ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปิดฉากคดีโกงเงินร้อยล้าน จับกุม 2 ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ หลังร่วมขบวนการปลอมเอกสาร-หลอกแบงก์ สูญเงินกว่า 150 ล้าน

วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ปิดฉากคดีโกงเงินร้อยล้าน จับกุม 2 ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ หลังร่วมขบวนการปลอมเอกสาร-หลอกแบงก์ สูญเงินกว่า 150 ล้าน

 

ปิดฉากโกงร้อยล้าน รวบ 2 ราย เป็นคดีซับซ้อน-เสียหายอันดับต้น

ปิดฉากโกงร้อยล้าน รวบ 2 ราย เป็นคดีซับซ้อน-เสียหายอันดับต้น

 

ร่วมกันจับกุม

  1. น.ส.ชุติมณฑน์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2096/2568 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2568
  2. น.ส.อมรรัตน์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2097/2568 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2568

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมที่บ้านพักในพื้นที่ซอย 6/14 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน 2561 ซึ่งบริษัทกลุ่มผู้ต้องหาใช้บัญชีเงินฝากบุคคลและบริษัทอื่นมาเป็นหลักประกันกู้เงินแบบเบิกเกินบัญชีจากธนาคารเอกชน 2 แห่ง รวม 4 ครั้ง เป็นมูลค่า 155 ล้านบาท พร้อมใช้เอกสารค้ำประกันที่มีการปลอมลายมือชื่อกรรมการบริษัทอื่นประกอบการค้ำประกันขอสินเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี

หลังได้รับอนุมัติให้เบิกเงินเกินบัญชีได้ กลุ่มผู้ต้องหาได้ทยอยเบิกถอนและโอนเงินเข้าบัญชีเครือข่ายผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 14 ราย ซึ่งมีการแบ่งผลประโยชน์ผ่านการโอนเงินหลายทอด รวมถึงฝากเข้าบัญชีของ น.ส.ชุติมณฑน์ และ น.ส.อมรรัตน์ ก่อนเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดหรือโอนต่อให้บุคคลอื่นในขบวนการเพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงิน

ปิดฉากโกงร้อยล้าน รวบ 2 ราย เป็นคดีซับซ้อน-เสียหายอันดับต้น

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกลุ่มนี้แล้วส่วนหนึ่ง เหลือ น.ส.ชุติมณฑน์ และ น.ส.อมรรัตน์ ที่ยังคงหลบหนีหมายจับของศาลอยู่ โดยตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า หลังจากธนาคารได้อนุมัติวงเงินเบิกเงินเกินบัญชีแล้ว

วันที่ 13 มิถุนายน 2561 น.ส.สิริภาส์ กรรมการบริษัทดังกล่าว หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 9,110,000 บาท โดยเช็คฉบับดังกล่าวถูกนำฝากเข้าบัญชี น.ส.ชุติมณฑน์ จากนั้น น.ส.ชุติมณฑน์ ได้โอนเงินจำนวน 4,000,000 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของนายภูริพัฒน์ฯ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา และระหว่างวันที่ 14 - 19 มิถุนายน 2561 น.ส.ชุติมณฑน์ ได้ทำรายการถอนเงินสดจากบัญชีของตนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 5,110,000 บาท

 

ปิดฉากโกงร้อยล้าน รวบ 2 ราย เป็นคดีซับซ้อน-เสียหายอันดับต้น

 

วันที่ 20 มิถุนายน 2561 น.ส.สิริภาส์ ได้ทำรายการโอนเงินจำนวน 900,000 บาท จากบัญชีธนาคารของบริษัทดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อมรรัตน์ ต่อมา น.ส.อมรรัตน์ ได้ถอนเงิน 700,000 บาท จากบัญชีของตน แล้วนำฝากเข้าบัญชีธนาคารของนายภูริพัฒน์ฯ

วันที่ 29 มิถุนายน 2561 น.ส.สิริภาส์ ได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 7,080,000 บาท โดยเช็คฉบับดังกล่าวถูกนำฝากเข้าบัญชี น.ส.ชุติมณฑน์ จากนั้น น.ส.ชุติมณฑน์ ได้โอนเงินจำนวน 2,800,000 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของนายภูริพัฒน์ และระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 1 กรกฎาคม 2561 น.ส.ชุติมณฑน์ ได้ถอนเงินจากบัญชีของตนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 4,280,000 บาท

 

ปิดฉากโกงร้อยล้าน รวบ 2 ราย เป็นคดีซับซ้อน-เสียหายอันดับต้น

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.15 กก.1 บก.ป. สามารถติดตามจับกุม น.ส.ชุติมณฑน์ฯ และ น.ส.อมรรัตน์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงและฟอกเงินรายใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับขบวนการปลอมเอกสารและหลอกลวงสถาบันการเงิน จนธนาคารหลายแห่งเสียหายรวมมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท การติดตามคดีนี้ใช้เวลานานกว่า 7 ปี จนในที่สุดเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนเข้าทำการปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นการปิดฉากหนึ่งในคดีทุจริตทางการเงินที่ซับซ้อนและสร้างความเสียหายสูงที่สุดคดีหนึ่งของประเทศ

คำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา