- 24 ส.ค. 2568
เปิดปมสงสัย กรณีวัดพระบาทน้ำพุ ทนายเกิดผล แก้วเกิด เผย พบเถ้าอัฐิ 100,000 รายของผู้ป่วย มันเป็นความจริงหรือ ? พวกเขาจะทุกทรมาน ขนาดไหน
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ออกมากล่าวถึง กรณีวัดพระบาทน้ำพุที่ยังมีข้อสงสัยต่างๆมากมาย โดยเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ทาง ทนายเกิดผล เผยว่ามีประเด็นหนึ่งที่ผมสงสัย และ สามารถตั้งข้อสังเกตได้ เนื่องจากไม่เกี่ยวกับข้อมูล ทางคดีคือ ประเด็นที่มีข่าวว่า พบเถ้าอัฐิ ของผู้ป่วยที่เก็บไว้ที่วัดพระบาทน้ำพุประมาณ 100,000 ราย มันทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า มันเป็นความจริงหรือ ?
เราต้องนึกถึงสภาพวัดพระบาทน้ำพุเมื่อ 33 ปีก่อน ตอนที่ วัดสร้างใหม่ๆและมีผู้ป่วยโรคเอดส์ ไป พักอาศัยที่วัดพระบาทน้ำพุซึ่งสมัยนั้น วัดก็คงยังไม่เจริญ เท่าปัจจุบันนี้และ สถานพยาบาล สถานที่เก็บศพที่เป็น อาคาร หรือที่ ก่อสร้างถาวรวัตถุอย่างปัจจุบันนี้ก็คงจะยังไม่มี
ถ้ามีอัฐิของผู้ป่วย มากมาย เป็น แสนๆ ร่าง จริงจะมีผู้ป่วยอยู่ในวัดจำนวนมากมายขนาดไหนแม้จะ รวมกันหลายๆปีวัดเริ่มเป็นสถานที่รับดูแลและฟื้นฟูผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 ถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 33 ปีถ้าหากเฉลี่ย จำนวนผู้ป่วยที่ตาย 100,000 ราย จะเฉลี่ยได้ปีละ 3,030 ราย ไม่รวมคนป่วยที่รอดชีวิตอีกหลายพันราย ถ้ามีผู้ป่วยมากมายขนาดนั้น ตอนนั้น วัดพระบาทน้ำพุ เอาผู้ป่วยไปไว้ที่ไหน เพราะสถานพยาบาลและที่พักยังไม่ได้มีเพียงพอหรือมากมาย ใหญ่โตเหมือนปัจจุบัน
ประกอบกับไม่เคยได้ยินข่าวจาก พยาบาลจิตอาสา ทั้ง ชาวไทยและ ต่างชาติที่เคยเข้ามา บริการจิตอาสาในวัดไม่เคยได้ยินว่ามีใครพูดถึงผู้ป่วยจำนวนมหาศาลขนาดนี้
ข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมากมายขนาดนี้และคนที่ ตายไปมากมายขนาดนี้ ทำไมเพิ่งมาปรากฏ ครั้งนี้
หากเป็นความจริง ก็ต้อง มีหลักฐาน ว่ามีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ที่วัดแห่งนี้จริงเพราะ กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่าการแจ้งตุยเจ้าบ้านต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง
ซึ่งต้องแจ้งต่อ เจ้าพนักงานท้องที่ ผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน และต้องไป ขอใบ มรณบัตร ที่อำเภอ
ดังนั้นหาก มีคนตายเป็นจำนวนถึงแสนรายในระยะเวลา 33 ปี ที่ อำเภอเมืองจังหวัดลพบุรีก็ต้องมีข้อมูลในการแจ้งตาย ด้วย
แต่หากมีจริง ผมก็ยังมีความ เวทนาว่า ณ เวลานั้น ผู้ป่วยจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนั้น กับสถานพยาบาลที่เล็ก ขนาดนั้น ทั้ง ผู้ดูแลก็มีจำนวนน้อยและ ทรัพยากรก็มีน้อยมาก เทียบกับปัจจุบัน ซึ่งก่อนตาย พวกเขาจะทุกทรมาน ขนาดไหน ?
ด้านกรมการปกครอง ชี้แจง กรณีเลขประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า
1. เดิมหลวงพ่ออลงกตฯ ชื่อ เกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ต่อมาปี 2552 เปลี่ยน ชื่อเป็น อลงกต พูลมุข ทั้งนี้ พบหลักฐาน การทำรายการบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายหลวงพ่อฯทุกรายการ โดยไม่มีการเปลี่ยนเลขประจำตัวประชาชน
2. ส่วนการออกใบสุทธิพระ ไม่ได้เป็นเอกสารราชการ ยืนยันตัวบุคคล ที่ออกโดย กรมการปกครอง
3. สำหรับ นายอลงกต พลมุข (ผู้เสียชีวิตแล้ว) พบหลักฐาน การทำรายการบัตรประจำตัวประชาชน เป็นรูปถ่าย นายอลงกต พลมุข บุคคลเดียว ไม่มีภาพใบหน้าบุคคลอื่น
ทั้งนี้ การเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ซึ่งตรงกับ บัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองหมายเลขโทรศัพท์ 0 2791 7983






