เหมือนกันเป๊ะ! ตำรวจบุกทลายขบวนการ "รถแฝด" กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยึดรถหรู 4 คัน สวมทะเบียนเดียวกัน เชื่อ คนปลอมแปลงเป็นคนเดียวกัน

การจับกุมในครั้งนี้ตำรวจสืบสวนขยายผลการจับกุมมาจากคดีอื่นๆ แล้วพบว่ามีหลายคดีที่เลขทะเบียนรถยนต์ของผู้ต้องหาตรงกัน จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาแหล่งที่มา ซึ่งการตรวจยึดรถยนต์ในครั้งนี้ มีพลเมืองดี แจ้งข้อมูลมาว่า มีการลักลอบสวมทะเบียนรถยนต์ โดยมีการใช้หมายเลขทะเบียนเดียวกันกับรถยนต์หลายคัน โดยทะเบียนที่พบความผิดปกติคือ TOYOTA VELLFIRE สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 กล 5005 กรุงเทพมหานคร

จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า มีรถยนต์หรูที่ใช้ทะเบียนเดียวกันวิ่งอยู่บนท้องถนน จำนวนถึง 4 คัน ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายนำรถที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือยังไม่ผ่านการเสียภาษีที่ถูกต้อง มาสวมทะเบียน เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถเหล่านั้นถูกต้องตามกฎหมาย
ตำรวจจึงได้ขอหมายค้นจากศาลอาญา ก่อนนำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุดสำคัญ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 และสามารถยึดรถยนต์ต้องสงสัยได้ทั้งหมด 4 คัน โดยรายละเอียดแต่ละคันมีดังนี้

1. บริษัทแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 64 เขตวังทองหลาง กทม. ตรวจยึดรถจาก MR. WANG อ้างว่าเพื่อนนำรถมาให้ใช้ และตนซื้อต่อผ่านแอปฯ TikTok ราคา 500,000 บาท

ยึดรถหรู4คัน ทลายขบวนการ รถแฝด สวมทะเบียนเดียวกัน ยันเลขเครื่อง-ตัวถัง

2. บริษัทแห่งหนึ่งใน เขตบางนา กทม. ยึดรถจาก นางณิฐรดา ให้การว่า นายอาร์มติดหนี้เงิน 200,000 บาท จึงนำรถมาจอดไว้เป็นหลักประกัน

3. ลานจอดรถย่านบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ยึดรถจาก นายพิริยะพงศ์  ให้การว่าประมูลได้มาจากบริษัทเอกชน ในราคา 1,340,000 บาท

4. บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงครามตรวจยึดจาก นายชัยสิทธิ์ อ้างว่าใช้รถคันนี้เป็นครั้งคราว เพราะที่บ้านมีรถหลายคัน และเป็นผู้ต่อภาษี-ประกันภัยด้วยตนเอง

ซึ่งทั้ง 4 คัน นอกจากจะมีเลขแผ่นป้ายทะเบียนเดียวกันแล้ว ยังมีเลขเครื่องยนต์และเลขตัวถัง เหมือนกันอีกด้วย ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนขยายผลว่าใครเป็นผู้ปลอมแปลง ถึงแม้ว่ารถต้อง 4 คันจะมาจากคนละจุด แต่ตำรวจค่อนข้างเชื่อว่า ผู้ที่ปลอมแปลง น่าจะเป็นคนเดียวกัน

ยึดรถหรู4คัน ทลายขบวนการ รถแฝด สวมทะเบียนเดียวกัน ยันเลขเครื่อง-ตัวถัง

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ครอบครองรถแต่ละราย จึงได้ส่งรถทั้งหมดให้กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมประสานกรมการขนส่งทางบกเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป