- 02 ก.ย. 2568
“หมอเจด” อธิบายชัด โรคหลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง (CVI) ที่ทรัมป์ป่วย ไม่ใช่เรื่องเล็ก พบได้บ่อยในคนยืนนาน นั่งนาน หรืออ้วน พร้อมแนะวิธีดูแลและป้องกัน
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
หลายคนน่าจะเห็นข่าว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ข้อเท้าบวม
ต่อมาก็มีรายงานว่าเขาเป็นโรคที่ชื่อว่า “หลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง” หรือ Chronic Venous Insufficiency (CVI)
พอได้ยินชื่อโรคนี้ หลายคนอาจไม่ได้สนใจ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก
โดยเฉพาะคนที่ยืนนาน ๆ นั่งนาน ๆ น้ำหนักเกิน หรือมีกรรมพันธุ์ และที่สำคัญมันมีวิธีดูแลและป้องกันได้ด้วย
วันนี้เลยอยากอธิบายให้ฟังว่า ว่า CVI จริง ๆ แล้วคืออะไร มีกี่ระยะ
แตกต่างจากเส้นเลือดขอดยังไง ใครที่เสี่ยงเป็นบ้าง แล้วถ้าปล่อยไว้ไม่ดูแลเลยจะเกิดอะไรขึ้น
1. CVI คืออะไร
ถ้าจะเล่าแบบง่าย ๆ เลยนะ CVI ย่อมาจาก Chronic Venous Insufficiency
หรือแปลไทย ๆ ว่า “หลอดเลือดดำขาทำงานไม่ดีเรื้อรัง”
ฟังแล้วเหมือนโรคร้ายแรง แต่จริง ๆ คือ เลือดมันไหลกลับขึ้นหัวใจไม่ไหลลื่นเหมือนเดิม เลยค้างอยู่ที่ขา
ลองนึกภาพท่อน้ำที่วาล์วรั่ว น้ำก็จะย้อนลงมา ไม่ขึ้นไปตามท่อ พอเป็นนาน ๆ น้ำก็คั่งจนท่อบวม แตก หรือเสียหาย ร่างกายเราก็เหมือนกันครับ
หลายคนอาจตกใจตอนเห็นข่าวว่า ทรัมป์เป็น CVI แล้วก็เผลอคิดว่า “โอ้โห ต้องตัดขาแน่ ๆ”
แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลยครับ โรคนี้มันค่อย ๆ เป็นทีละขั้น และมีวิธีดูแลเยอะมาก ถ้ารู้ทันตั้งแต่เนิ่น ๆ เราก็อยู่กับมันได้แบบปกติ
ตัวปัญหาหลัก ๆ คือ “ลิ้นหลอดเลือดดำ” มันเสื่อม ทำให้ปิดไม่สนิท เลือดเลยย้อนลงล่าง
พอเราเดินหรือยืนนาน ๆ เลือดกดลงขามาก ๆ ก็จะเริ่มมีอาการขาหนัก ปวดตึง บวม และถ้าปล่อยยาว ๆ อาจลามไปถึงขั้นผิวคล้ำ แข็ง หรือกลายเป็นแผลได้
2. อาการ CVI ไล่ตามระยะ
โรคนี้ไม่ได้โผล่มาปุ๊บแล้วแย่สุดเลย มันค่อย ๆ ไต่ระดับ ความน่ากลัวก็จะเพิ่มขึ้น
แบบนี้เราเรียกว่า CEAP classification ถ้าพูดแบบอธิบายง่ายๆก็คือ
•C0: ยังไม่เห็นอะไรที่ผิว แต่จะเริ่มรู้สึกขาหนัก ๆ ปวด ๆ เวลายืนนาน เดินนาน
•C1: เริ่มมีเส้นเลือดฝอยแดง ๆ เหมือนใยแมงมุม หรือเส้นม่วง ๆ ใต้ผิว
•C2: เส้นเลือดขอดโป่งนูน เห็นเป็นเส้นเขียว ๆ โผล่ขึ้นมา หลายคนเริ่มเครียดตรงนี้เพราะมันไม่สวย
•C3: ขาบวม โดยเฉพาะช่วงเย็น ๆ หลังยืนนาน เช้ามักจะยุบ
•C4: ผิวคล้ำ แข็ง หรือหนาตึง เหมือนเป็นสัญญาณไฟแดงบอกว่าเลือดคั่งเยอะแล้ว
•C5: เคยมีแผลเรื้อรัง แต่ตอนนี้หายแล้ว ทิ้งรอยแผลเป็นไว้
•C6: แผลเรื้อรังยังอยู่ หายยาก เจ็บ และน่ารำคาญมาก
คนส่วนใหญ่มักจะมาตอนมีเส้นเลือดขอดหรือบวมแล้ว แต่ต้องเน้นเลยว่า
ไม่ใช่ว่าทุกเคสจะจบด้วยการตัดขา ส่วนมากถ้าเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วดูแล มันก็คุมได้ ไม่ได้ถึงขั้นโหดร้ายแบบที่กลัวกัน
3. CVI ต่างกับเส้นเลือดขอดยังไง?
คำถามนี้โคตรฮิตเลย “เส้นเลือดขอดกับ CVI คือโรคเดียวกันใช่มั้ย?” คำตอบคือ ไม่ใช่ แต่มีความเกี่ยวข้องกัน
•เส้นเลือดขอด (Varicose veins) = แค่เส้นเลือดที่โป่ง นูน เห็นชัด ๆ
•CVI = โรคหลอดเลือดดำทำงานไม่ดีเรื้อรัง ซึ่งมีหลายระดับ ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยแตก ขาบวม ผิวคล้ำ ไปจนถึงแผล
พูดง่าย ๆ ว่า เส้นเลือดขอดคือหนึ่งในอาการของ CVI (อยู่ในระดับ C2) คนที่มีเส้นเลือดขอดบางคนอาจไม่มีปัญหาอื่นเลย
แค่ไม่สวยเฉย ๆ แต่ถ้าปล่อยไปก็เสี่ยงพัฒนาไปเป็น CVI ระยะที่หนักขึ้นได้
ในทางกลับกัน บางคนเป็น CVI แต่ไม่มีเส้นเลือดขอดให้เห็นชัด ๆ ก็มีนะ เหลือแค่บวมกับรอยดำที่ข้อเท้า นี่แหละที่ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาอยู่แล้ว
4. ใครเสี่ยงบ้าง แล้ววิธีป้องกันยังไง
จริง ๆ กลุ่มเสี่ยงมีเยอะกว่าที่คิด ไม่ได้มีแต่ผู้สูงอายุอย่างเดียว
•คนที่ต้องยืนหรือเดินทั้งวัน เช่น ครู พยาบาล พนักงานขาย
•คนนั่งนาน ๆ อย่างมนุษย์ออฟฟิศนั่งจ้องคอมวันละ 8 ชั่วโมง
•ผู้หญิงตั้งครรภ์ → ฮอร์โมนเปลี่ยน + มดลูกกดเส้นเลือด
•คนอ้วน น้ำหนักกดขามาก ทำให้แรงดันสูง
•มีพันธุกรรม ถ้าพ่อแม่เป็น โอกาสสูงกว่าคนทั่วไป
•อายุเยอะ ลิ้นหลอดเลือดดำก็เสื่อมไปตามวัย
แล้วจะป้องกันยังไง? หลักๆที่ต้องทำคือ ใช้กล้ามเนื้อน่องให้เยอะที่สุด
เพราะมันคือปั๊มธรรมชาติที่ดันเลือดกลับหัวใจ
•ยกส้นเท้าขึ้นลงบ่อย ๆ เวลานั่งนาน ๆ
•เดินให้มาก อย่าอยู่นิ่งเกิน 1 ชั่วโมง
•มีเวลาว่างก็ยกขาสูง ลดแรงกด
•คุมอาหาร คุมน้ำหนัก
•ถ้าเสี่ยงสูงหรือเริ่มมีอาการแล้ว → ใส่ถุงน่องการแพทย์ช่วยได้เยอะมาก
แต่ก็ควรปรึกษาหมอก่อนใส่นะครับ
สิ่งที่สำคัญคือ ไปพบหาหมอเมื่อมีอาการผิดปกติ
ถ้าเริ่มมีแผล บวมไม่ยุบ สีผิวเปลี่ยน ควรรีบไปตรวจเพื่อหาสาเหตุจริงๆ และรักษาถูกจุดนะ
5. ภาวะแทรกซ้อนที่น่ากลัวที่สุด
หลายคนพอได้ยิน CVI ก็กังวลว่าจบที่ “ต้องตัดขา”
แต่จริง ๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ “แผลเรื้อรัง ร่วมกับการติดเชื้อ”
เลือดที่คั่งอยู่ทำให้ผิวขาดออกซิเจน ทำให้ผิวคล้ำ ผิวแข็ง
สุดท้ายเป็นแผลเรื้อรัง (venous ulcer) แผลพวกนี้หายโคตรยาก
บางคนรักษาเป็นปี ๆ ก็ไม่หาย แถมเจ็บมากจนใช้ชีวิตลำบาก ถ้าแผลติดเชื้อแล้วลามถึงขั้นเนื้อตาย (necrosis) แบบนี้แหละที่เรียกน่ากลัว หมอต้องพิจารณาตัดขาเพื่อรักษาชีวิต
อีกอย่างที่ต้องระวัง คือ DVT หรือ Deep Vein Thrombosis ภาษาไทยก็คือ “ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก”
พูดง่าย ๆ ก็คือ เลือดที่มันคั่ง ๆ อยู่ขา ไม่ไหลเวียนดี มันจับตัวกันกลายเป็นก้อนเลือด พออุดหลอดเลือดก็ทำให้เจ็บ บวม แดง ร้อนตรงขา
สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ ไม่ใช่ตอนมันก่อตัวอยู่ที่ขา แต่คือ ถ้าลิ่มเลือดดันหลุดลอยขึ้นไปตามกระแสเลือด แล้วไปติดที่ปอด
แบบนี้แหละครับที่เราเรียกว่า pulmonary embolism หรือ “เส้นเลือดในปอดอุดตัน”
อาการอาจเกิดแบบเฉียบพลัน หายใจไม่ออก เจ็บหน้าอก หน้ามืด เป็นลม และบางรายก็เสียชีวิตได้เลย
ฝากด้วยนะครับ CVI ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องตัดขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ควรมองข้าม
เพราะถ้าปล่อยไว้เรื่อย ๆ มันมีโอกาสลามไปถึงขั้นแผลเรื้อรัง การติดเชื้อ หรือมีลิ่มเลือดอุดตันได้
ซึ่งถ้าเรารู้ตัวเร็ว ปรับวิถีชีวิตง่าย ๆ เช่น ขยับตัวบ่อย ๆ ไม่ปล่อยให้นั่งนิ่งนานเกินไป โดยเฉพาะคนที่ทำงานออฟฟิศ
หรือคนที่ทำงานหนักแบบทรัมป์คุมอาหาร คุมน้ำหนัก
หรือถ้าใครเสี่ยงมากก็ใส่ถุงน่องการแพทย์เข้าไปช่วย ก็สามารถคุมอาการและลดความเสี่ยงได้เยอะเลย
เพราะงั้น ถ้าใครเริ่มสังเกตว่าตัวเอง ขาบวม หน่วง ปวดตึง หรือเห็นเส้นเลือดปูด ๆ ขึ้นมา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ แล้วปล่อยผ่านไปนะครับ
ลองหันมาดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า และถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบหมอเพื่อหาทางแก้ไข จะได้ไม่ปล่อยไว้นะ






