ทัวร์ไทยถล่ม หลังโฆษกฯต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงเรื่อง ไทย-กัมพูชา

กรณีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้มาแถลงผลการประชุม ซึ่งไทย-กัมพูชา เดินหน้าคืนสันติภาพชายแดน ใน 5 ประเด็นสำคัญ ตั้งแต่ถอนอาวุธ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ไปจนถึงการจัดการพื้นที่พิพาท  อย่างไรก็ตามได้มีประเด็นเรื่อง เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เกี่ยวเรื่องประเทศที่สาม คือ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีผลต่อการพิจารณาเปิดด่าน ซึ่งในเวลาต่อมา โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมายืนยันชัดว่า ไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ เป็นการเตรียมการในระยะต่อไป ต้องประเมินความจริงใจและการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา

ด้านสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์ผ่านเพจ  เกี่ยวกับ แถลงการณ์เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา
โดย นายคิตามูระ โทชิฮิโระ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น  วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

1. รัฐบาลญี่ปุ่น ยินดีอย่างยิ่งต่อการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ในวันที่ 10 กันยายน  โดยการหารือมีความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และผ่อนปรนการขนส่งสินค้าข้ามแดน นับเป็นผลสำเร็จที่สำคัญอย่างยิ่งในการก้าวไปสู่การดำเนินตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศ

2. นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่น ขอยกย่องต่อความพยายามด้านการทูตของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ในครั้งนี้ รวมไปถึง ประเทศมาเลเซีย ที่มุ่งมั่นเดินหน้าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศในฐานะประธานอาเซียน

3. ความสัมพันธ์ในด้านความร่วมมืออันดีระหว่างกัมพูชาและไทยนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสงบสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อทั่วทั้งภูมิภาค รัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองประเทศจะยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและคลี่คลายความตึงเครียดลงอย่างสันติโดยผ่านการเจรจา รัฐบาลญี่ปุ่น จะยังคงพยายามส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดระดับความตึงเครียด รวมไปถึงการดำเนินตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง

ด้านคอมเมนต์ของคนไทย ในโพสต์ดังกล่าวของ แถลงการณ์โฆษกกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่ากลายเป็นทัวร์ลง เพจสถานทูตญี่ปุ่น ไปในทันที

ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นประธานออตตาว่าในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นได้ take action ในเรื่องการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ของกัมพูชาจนทำให้ทหารไทยขาขาด 6 ราย และบาดเจ็บ ซึ่งกัมพูชายังละเมิดใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่ตลอด และไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้แจ้งไปยังประธานออตตาวาแล้ว

ช่วยแถลงหน่อยว่าญี่ปุ่นในฐานะประธานออตตาวาได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรแล้วบ้าง ? ที่ได้ช่วยเหลือประเทศไทยผู้ซึ่งได้รับผลกระทบในเรื่องนี้

ขณะเดียวกันเมื่อบริษัทของญี่ปุ่นเสียประโยชน์ในการปิดด่านพรมแดนเพื่อตอบโต้กัมพูชาของไทย ทำให้ญี่ปุ่นมากดดันการดำเนินกิจการภายในของไทยทั้งที่เป็นเรื่องของความมั่นคง อธิปไตยของชาติไทย แต่กระทบทางเศรษฐกิจของบริษัทญี่ปุ่นเท่านั้น

น่าเสียใจในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหามิตร แต่ยืนหยัดเพียงเพื่อประโยชน์ของประเทศตนเอง และไม่ได้ดำเนินการกรณีละเมิดอนุสัญญาออตตาวาเท่าที่ควรจะเป็น

ญี่ปุ่นไม่ควรก้าวก่ายกดดันไทยเรื่องเปิดด่าน แทรกแซงแบบนี้ควรถูกประนามมั้ย?
-ตอนเขมรเปิดฉากยิง ญี่ปุ่นอยู่ไหน? นิ่งเฉยทำไม?
-ประธานออตตาวาก็เป็นญี่ปุ่น ทำอะไรอยู่ตอนเขมรวางทุ่นระเบิด?
-ถ้าห่วงผลประโยชน์ญี่ปุ่นมาก ก็ไปกดดันเขมรให้แก้ปัญหาชายแดน ไม่ใช่กดดันไทยให้เปิดด่านเลี้ยงโจรเพื่อเงินในกระเป๋าญี่ปุ่น
-เรียนเชิญทูตญี่ปุ่นและประธานออตตาวา เดินชมชายแดนภาค 2 ของไทยในวันที่ทุ่นระเบิดยังไม่ถูกเก็บกู้ และญี่ปุ่นสนใจแต่ประโยชน์การค้าตัวเอง

ผิดหวังจริงๆครับ มหามิตร มิตรแท้จริงๆญี่ปุ่นควรไปกดดันเขมรไม่ใช่มากดดันไทยนะครับ

 

• ถึงรัฐบาลญี่ปุ่น

ที่ผ่านมาประเทศกัมพูชารุกรานประเทศไทยท่านก็ทราบ มีการยึดครองหลายจุด เมื่อมีการรบกันก็ยิงใส่พื้นที่พลเรือน มีเด็กและประชาชนเสียชีวิตไปหลายคน ดังนั้นหลังหยุดยิงประเทศไทยจึงต้องวางมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศกัมพูชารุกรานอีก หนึ่งในมาตรการคือการปิดด่านปิดพรมแดนเพราะเสบียงทหารของกัมพูชาส่วนใหญ่นำมาจากประเทศไทย หรืออาจจะนำมาจากบริษัทของประเทศท่านก็ได้ ดังนั้นจึงยังไม่ควรเปิดด่านในช่วงนี้ ก็ถ้าเปิดด่านแล้วเสบียงเหล่านี้ถูกส่งไปให้ทหารกัมพูชา และใช้เพื่อการยึดพื้นที่ที่กัมพูชาเคยเสียไป เช่น ภูมะเขือ ประสาทตาเหมือนธม ฯลฯ แล้วเกิดความเสียหายมีคนไทยเสียชีวิตอีกประเทศญี่ปุ่นจะรับผิดชอบได้หรือไม่

ดังนั้นท้ายที่สุดผมจึงขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นแจ้งไปยังบริษัทที่ต้องการให้มีการเปิดด่านไทย- กัมพูชา ให้ยอมรับความเสียหายที่เกิดขึ้นและหันมาสนับสนุนการปิดด่านพรมแดนนี้ต่อไปแล้วไปลงทุนที่อื่นเสีย พระชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ปลอดภัยต่อไป เนื่องจากกัมพูชาอ้างดินแดนตามมาตรา 1 ต่อ 200,000 แปลไทยอ้าง 1 ต่อ 50,000 ตราบใดที่รบกันไม่สะเด็ดน้ำจะไม่มีทางตกลงกันได้ครับ  ด้วยความเคารพประชาชนคนไทย