เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ วิ่งเตลิดพร้อมลูกชาย กลับบ้านยังตามไปถึงในฝัน

ทางด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า "ชีวิตหมอ กับประสบการณ์วิญญาณ" คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะมาบอกเล่าเก้าสิบ เกี่ยวกับประสบการณ์วิญญาณหรือไม่ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องที่ต้องมาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์กันต่าง ๆ นานา แต่คงไม่แปลก ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะครับ มาเล่าสู่กันฟัง

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เรื่องแรกที่จะเล่า (ความจริงมีมากมายหลายเรื่อง) น่าจะเป็นประสบการณ์ของหลายๆคน จนถึงกลายเป็นประสบการณ์หมู่ นั่นก็คือเรื่องเหตุการณ์สึนามิ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ 28 ธันวาคม 2547

 

ในช่วงแรกถ้าเรายังจำกันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใด ภาคใด ทั้งหมอและเจ้าหน้าที่กู้ภัย และสาธารณสุขต่างช่วยกัน อย่างพร้อมเพรียงในการค้นหาผู้ที่รอดชีวิตและในการบริบาลรักษา ช่วยชีวิตผู้ที่ประสบเคราะห์กรรม และในเวลาเดียวกันก็มีการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ให้ไปอยู่ในทำเลใหม่ที่ปลอดภัยกว่าและมีการสร้างที่พักพิงให้หลายตำแหน่ง

 

ปัญหาความยุ่งยากที่ตามมาก็คือ ผู้ประสบภัยไม่แต่เพียงมีผลกระทบทางจิตใจ ความเครียด วิตกกังวล หดหู่ถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ยังถูกรุมเร้าด้วย โรคประจำตัวที่มีอยู่แล้วและเคยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางสมองโรค ทางอายุรกรรม หัวใจ เบาหวาน ความดัน ไต ตับและโรคเรื้อรังต่าง ๆ ทางข้อและกระดูกเป็นต้น โดยต้องขาดตอนการได้รับยารักษาและหลายคนก็พูดเสียงเดียวกันว่าหมอไปกับน้ำแล้ว

 

เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือน ถึงแม้ว่าจะมีหน่วยงานทั้งในประเทศและนานาชาติ อาสาเข้ามาช่วยเหลือโดยเข้ามาอนุเคราะห์แจกจ่ายยาให้ผู้ประสบภัย

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

แต่ปัญหาใหญ่ที่อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นไปอีกก็คือ ยาชนิดเดียวกันหรือประเภทเดียวกัน ชื่อต่างกันภาษาต่างกัน ได้ถูกแนะนำให้ทาน ดังนั้นหมายความว่ายาชนิดนั้น ๆ ที่ควรใช้วันละหนึ่งเม็ดกลับกลายเป็นได้วันละสามถึงสี่เม็ด กลายเป็นยาซ้ำซ้อนเข้าไปอีก

 

คณะเล็ก ๆของเราที่ นำโดยภรรยาของหมอและเภสัชกรที่สนิทชิดเชื้อกัน จึงได้รวมกลุ่มประมาณ 60 ถึง 70 คนโดยลงไปเยี่ยมที่หมู่บ้านพักพิง เหล่านี้

 

ทั้งนี้โดยเป็นการเยี่ยมในแต่ละบ้านและทำบันทึกประจำตัวและครอบครัวถึงโรคประจำตัวที่มีอยู่ ยาที่เคยใช้ถ้าจำได้ และโรคที่เกิดขึ้นใหม่ หลังจากเหตุการณ์สึนามิ รวมทั้ง รวบรวมยาทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละบ้าน แยกแยะประเภทและจัดคำแนะนำใหม่ และถ่ายรูปชื่อยาที่เป็นภาษาต่างประเทศ ที่ไม่ใช่เป็นภาษาอังกฤษ จะเป็นภาษาทางยุโรปและภาษาญี่ปุ่น อิสราเอล เป็นต้น และส่งไปแปลให้ทราบชื่อและประเภทของยา

 

ในกลุ่มนี้ มีหมอและพี่หมออีกท่านหนึ่งที่ร่วมคณะไปด้วยโดยในแต่ละบ้านที่มีการเข้าเยี่ยม ถ้าพบมีปัญหาก็จะโทรศัพท์มาเรียกเราให้เข้าไปตรวจร่างกาย ซักประวัติและทำบันทึกในกระดาษใส่ซองพลาสติก

 

ทั้งนี้ เพื่อจะได้นำไปแสดงให้น้องหมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลในพื้นที่ ที่มีการเข้ามาเยี่ยมหรือพาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล จะได้ทราบอาการเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือที่จำเป็นต่อไป

 

การเยี่ยมบ้านในพื้นที่ยังได้มีการทบทวน ทุกสองเดือน เพื่อจะได้ทราบว่าปัญหาที่ได้นำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ ว่าได้รับการแก้ไขแล้ว สำเร็จหรือไม่ หรือจำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใหญ่ต่อไป

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

ที่เล่ามายืดยาวเป็นการปูพื้นเรื่องว่า ในระหว่างที่ทำงานนั้นพบอะไรบ้าง เมื่อคณะของเราเดินทางไปถึงที่เขาหลัก โดยมีที่พักเป็นโรงแรมที่อยู่ที่นั่น ที่หน้าโรงแรมจะมีหน่วยทหารที่น้อง ๆ คอยช่วยรื้อถอนขนย้ายซากปรักหักพัง โดยที่เรายังไม่ทันเข้าในที่พัก

 

น้องทหารก็เข้ามาหาแล้วถามว่า พี่ๆ เป็นหมอใช่มั้ย พวกผมขอยานอนหลับเยอะๆได้ไหม

 

และก็เล่าให้ฟังว่าเวลาโพล้เพล้ ก็จะเห็นกลุ่มคนเดินมาเป็นหมู่ ส่งเสียงที่จับความไม่ได้แต่ไม่ใช่ภาษาไทยหรือไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำแล้วก็เดินไปมาทุกเย็นและได้ยินเสียงตอนกลางคืน

 

พวกเราได้ฟัง ก็ดูเหมือนจะตรงกับที่ทราบมาเลาๆก่อนหน้า ว่ามีอะไรแบบนี้ ดังนั้นน้องเภสัชกร จึงสมัครใจอยู่ห้องเดียวกัน ห้องละสี่ถึงห้าคนและแต่ละคน ต่างก็เตรียมบทสวดคาถา ตามศาสนาต่าง ๆ ครบถ้วน

 

ซึ่งเมื่อเข้าที่พักไปแล้ว และกำลังจะเตรียมลงพื้นที่ยังได้พบกับน้องทหารที่เป็นผู้บังคับการ ได้บอกปัญหาของทหารที่ทำงานอยู่ขณะนี้ว่า อกสั่น ขวัญแขวน และอย่างไรก็คงต้องใช้ยาที่ช่วยให้ผ่อนคลายหรือยานอนหลับนั่นเอง

 

จะเป็นวันแรกหรือวันที่สองที่พวกเราลงพื้นที่ หมอก็ไม่แน่ใจนัก ตกตอนเย็นประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ หมอก็เลยชวนลูกชาย ขณะนั้นน่าจะอายุประมาณ 13 ปี ไปตีเทนนิสที่สนามที่อยู่ข้างๆที่พัก

 

จำได้ว่าตีไปประมาณสามเกม ไฟที่อยู่ริมสนาม ดับไปหนึ่งดวงเหลือสามดวง ก็มองหน้ากัน ในใจคงไม่ต้องบอกนะครับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็เล่นต่อ เล่นไปได้อีกสักพัก ไฟก็ดับไปอีกหนึ่งดวง

 

ถึงตอนนี้เลยพยักหน้ากัน และรีบไปเก็บไม้ใส่ถุง เก็บลูกเทนนิสเรียบร้อย กำลังจะเดินออก

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เราทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึกๆ ขึ้นบันไดมา โดยที่ สนามเทนนิสจะมีความสูงอยู่ประมาณชั้นสอง เสียงฝีเท้าวิ่งผ่านประตูเข้าสนามเทนนิส ซึ่งครึ่งทางด้านล่างทึบ และน่าจะมีความสูงประมาณ 1 เมตรและก็เห็นศีรษะเด็กโผล่มาให้เห็นเล็กน้อย และเสียงฝีเท้าก็วิ่งลงบันไดอีกทาง ไปชั้นล่าง

 

หมอและลูกตอนนี้ น่าจะอยู่ในสภาวะขนลุกขนชัน แต่ก็เดินไปที่ประตูและเปิดประตูมองไปทางซ้ายก็คือเป็นบันไดที่ขึ้นมาจะเข้าสนามเทนนิส มองไปทางขวาก็คือบันไดที่ลงไปชั้นล่างและที่ได้ยินเสียงฝีเท้าลงไป

 

หมอเลยถามลูกว่าจะลงไปดูเขาไหม ตามที่ได้ยินเสียงฝีเท้า ลูกหมอเลยตอบเสียงเบาๆว่า พ่อ ข้างล่างมันมืดตึ๊ดตื๋อ และเราก็เห็นลางๆมีของวางระเกะระกะ ลูกบอกว่า..พ่อไปเหอะ

 

และแล้ว พ่อกับลูกก็วิ่งแข่งกันกลับไปอย่างรวดเร็ว ไปที่ลอบบี้ของที่พัก ได้เจอเจ้าหน้าที่ เลยถามว่าที่ตรงนั้นเอาไว้ทำอะไร ได้รับคำตอบว่าเป็นที่สำหรับเก็บของที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์ เลยเอามาเก็บไว้รวมกันที่ชั้นใต้ถุน เราก็เลยถามต่อว่า มีอะไรหรือเห็นอะไรอย่างนี้ไหม น้องเค้าก็ออมแอ้มว่าก็ไม่มีอะไรนะครับ

 

จะยังไงก็ตามเราสองคนก็เลยวิ่งกลับห้องโดยด่วน และแน่นอนเปิดไฟสว่างจ้าตลอดคืน

 

หลังจากที่เราทำงานเสร็จในพื้นที่ครั้งนี้ กลับมาบ้านที่กรุงเทพได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ หมอฝัน ในฝันนั้น เห็นสตรีน่าจะเลยวัยกลางคนไม่ใช่คนไทย เดินอยู่บนสนามหญ้า และข้างๆมีเด็กผู้ชายขี่จักรยานเล่นอยู่ด้วย คุณน้าท่านนั้น เดินเข้ามาหาหมอและยื่นมือส่งตุ๊กตาเล็ก ๆ ให้ซึ่งหมอรับมา และก็ตกใจตื่น

 

ทั้งนี้ในช่วงเวลานั้น คงเหมือนกับคนไทยทุกคนที่ได้ทำบุญแผ่ส่วนกุศล ให้ผู้ประสบเคราะห์กรรมเหล่านี้ได้ไปสู่สุคติ และน่าจะเป็นเครื่องเตือนใจว่า ชีวิตนั้นไม่แน่นอนและเมื่อจากไปแล้วยังคงวนเวียนอยู่

 

การทำบุญทำกุศลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่นโดยไม่ต้องคิดว่าจะต้องได้รับอะไรตอบแทน เป็นสิ่งประเสริฐที่สุดในชีวิตและไม่น่าจะสายเกินไปที่มนุษย์ทุกคนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความรักเข้าใจ และไม่ประหัตประหารกัน

 

ความจริงยังมีอีกมากมายหลายเรื่องในชีวิตของหมอ และเชื่อว่าหลายๆคน อาจจะมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน ถ้าไม่เบื่อจะได้นำมาเล่าให้ฟังกันอีกนะครับ

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ

เจอกับตัว "หมอธีระวัฒน์" เล่าเรื่องสุดหลอนตอนสึนามิ ชีวิตหมอ