- 14 ก.ย. 2568
ธนาคารแห่งประเทศไทย แจงแล้วปม ยอดเงินติดลบ - ปลดอายัดบัญชีล่าช้า สั่งทุกธนาคารเร่งชี้แจงความชัดเจนให้ลูกค้า
หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่มีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการถูกอายัดบัญชีโดยไม่ทันตั้งตัว เพราะต้องสงสัยกระทำผิด - เอี่ยวบัญชีม้า ทำเดือดร้อนหนัก เนื่องจากไม่มีเงินสดไว้ใช้สำรองจ่าย ขณะที่การปลดอายัดก็ล่าช้า จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างบนโลกโซเชียล
เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานล่าสุดจาก น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงประเด็นที่มีกระแสข่าว “ลูกค้า” ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแสดงผลยอดเงินในบัญชีติดลบ และการปลดอายัดบัญชีล่าช้า
กรณียอดเงินในบัญชีติดลบ ธปท. ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงจากธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ
1. เมื่อวันที่ 1 ก.ย.68 มีการปรับปรุงข้อมูลรายการเคลื่อนไหวของเงินฝากช่วงสิ้นวันไม่ครบถ้วน ส่งผลให้บัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่งมียอดเงินคงเหลือไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งธนาคารได้แก้ไขให้ถูกต้องเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.68 โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกราย รวมถึงได้เข้าตรวจสอบและติดตามให้ธนาคารมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีกในอนาคต ตลอดจนกำชับให้ทุกธนาคารมีมาตรการเชิงป้องกันเช่นกัน
2. เกิดจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งธนาคารให้ “อายัดเงิน” ในบัญชีต้องสงสัย แต่เงินในบัญชีเหลือน้อยกว่าจำนวนเงินที่ตำรวจแจ้งให้อายัด ระบบจึงแสดงยอดเงินในบัญชีติดลบ ซึ่งแต่ละธนาคารมีแนวทางการแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารเร่งสร้างความเข้าใจกับลูกค้าให้ชัดเจนแล้ว
ประเด็นการอายัด “บัญชีต้องสงสัย” เพื่อติดตามเงินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบการทำธุรกรรมของประชาชนส่วนหนึ่งนั้น ธปท. , ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รับทราบปัญหา และอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงกระบวนการอายัดและการปลดอายัด ให้สามารถจัดการกับมิจฉาชีพ และดูแลผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้บริการปกติ รวมทั้งมีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการปลดอายัดบัญชีกรณีผู้บริสุทธิ์
ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาในการใช้บริการทางการเงินและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีจากสถาบันการเงิน สามารถติดต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ธปท. ที่หมายเลข 1213 โดย ธปท. จะเร่งให้สถาบันการเงินตรวจสอบและแก้ปัญหาอย่างเร็วที่สุด






