- 16 ก.ย. 2568
อารยธรรมมายา & วันสิ้นโลก แม้เวลาจะผ่านไปนับพันปี แต่อารยธรรมมายายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาทางประวัติศาสตร์ที่โลกไม่เคยลืม โดยเฉพาะความเชื่อเกี่ยวกับเทพแห่งดาราศาสตร์ และคำทำนาย
อารยธรรมมายา & วันสิ้นโลก อารยธรรมมายาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่ก้าวล้ำที่สุดในโลก ด้วยความรู้ทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่แม่นยำจนน่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้มายายังคงถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ความฉลาดของพวกเขา แต่คือ “คำทำนายวันสิ้นโลก” ที่ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้แน่ชัด
อารยธรรมมายาที่รุ่งเรืองในเมโสอเมริกาโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ประณีตและระบบอักษรที่ซับซ้อน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือความเชี่ยวชาญในการสังเกตการณ์ดาราศาสตร์ ชาวมายาสามารถดูท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและคำนวณวงโคจรของดาวเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ
หนึ่งในความสำเร็จที่น่าทึ่ง คือการคำนวณระยะเวลาวงโคจรของดาวศุกร์ที่ชาวมายากำหนดไว้ 584 วัน ซึ่งใกล้เคียงกับค่าจริงในปัจจุบันที่ 583.93 วัน พวกเขาสังเกตว่าดาวศุกร์จะปรากฏในท้องฟ้าช่วงเช้าเป็นเวลา 236 วัน หายไป 90 วัน กลับมาในช่วงเย็นอีก 250 วัน และหายไปอีก 8 วัน รวมเป็นรอบครบวงจรที่ซ้ำทุก 8 ปี หรือเทียบเท่ากับ 5 รอบของดาวศุกร์ และยังสอดคล้องกับปฏิทิน 365 วันของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากการศึกษาเกี่ยวกับดาวศุกร์ ชาวมายายังสามารถคำนวณความยาวของปีบนโลกได้อย่างแม่นยำ โดยระบุว่าหนึ่งปีมีความยาว 365.2420 วัน ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่แม่นยำที่สุดในปัจจุบันที่ 365.2422 วัน พวกเขาพัฒนาระบบปฏิทินที่ซับซ้อนและแม่นยำไว้ถึง 3 ระบบ ได้แก่
- ปฏิทินโซลกิ้น (Tzolkin) จำนวน 260 วัน สำหรับใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา
- ปฏิทินสุริยคติ 365 วัน ใช้ในด้านการเพาะปลูก
- ปฏิทินดาวศุกร์ จำนวน 584 วัน
การรวมระบบปฏิทินทั้งสามนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้ด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ที่ก้าวหน้าอย่างมากในยุคนั้น
คำทำนายวันสิ้นโลกปี 2012 ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวมายาได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก ข้อความบนแผ่นศิลาโบราณในกัวเตมาลาระบุถึงการสิ้นสุดของบักตุนที่ 13 ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม 2012
อย่างไรก็ตาม ข้อความดังกล่าวถูกตีความผิดไปว่าเป็นคำทำนายถึงวันโลกาวินาศ และความหวาดกลัวยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อมีภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง “2012” นำเสนอเหตุการณ์โลกพินาศตามคำทำนายนี้
แต่ในความจริง นักโบราณคดีได้ยืนยันว่า ข้อความบนแผ่นศิลานั้นไม่ใช่การพยากรณ์ภัยพิบัติหรือจุดจบของโลก แต่เป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดรอบหนึ่งในปฏิทินมายา ซึ่งชาวมายาเชื่อว่าเวลาเดินเป็นวงจร การจบรอบนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของรอบใหม่
ถึงแม้คำทำนายวันสิ้นโลกในปี 2012 จะถูกพิสูจน์ว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่ข่าวลือเรื่องความสามารถของชาวมายาในการพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น สงครามโลก การสร้างเครื่องบิน หรือแม้กระทั่งการล่มสลายของอารยธรรมของตนเอง ก็ยังคงแพร่หลายและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าข้อมูลเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ และไม่มีหลักฐานใดที่ชี้ว่าชาวมายาสามารถทำนายอนาคตได้จริง
หนึ่งในความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรมมายาคือเหตุผลที่ทำให้อาณาจักรของพวกเขาล่มสลายอย่างรวดเร็วในช่วงปี ค.ศ. 800-900 เมืองใหญ่มากมายถูกปล่อยทิ้งร้างและถูกป่าดงดิบเข้าครอบงำ
นักวิจัยมีข้อสันนิษฐานหลากหลายเกี่ยวกับสาเหตุ เช่น ภัยแล้ง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การเติบโตของประชากรที่เกินขีดจำกัด การโจมตีจากกองกำลังภายนอก หรือโรคระบาด อย่างไรก็ตาม หลายงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งภายในซึ่งก่อให้เกิดความรุนแรงและการแย่งชิงอำนาจรวมถึงทรัพยากรระหว่างนครรัฐ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อารยธรรมมายาถึงจุดสิ้นสุด
วิถีชีวิตชาวมายาผสมผสานความเชื่อแปลกประหลาด เช่น การเวียนว่ายตายเกิดและพิธีฝังศพเฉพาะตัว พร้อมกับค่านิยมความงามหน้าผากแบนและตาเหล่ รวมถึงพิธีแต่งงานที่เจ้าบ่าวต้องทำงานหนักให้ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นเวลาหลายปี






