'ผบ.เหล่าทัพ' ลั่น ปิดด่านจนกว่า กัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทย

ผบ.เหล่าทัพ ยืนไว้อาลัย ทหาร-ประชาชน เสียชีวิตเหตุปะทะไทย-กัมพูชา ลั่น ปิดด่าน จนกว่า กัมพูชา สิ้นสภาพภัยคุกคาม เดินหน้าสร้างรั้ว ลั่น ยึดหลักป้องกันตนเอง กับผู้เป็นปรปักษ์-สอดแนม-โจมตี

19 กันยายน พ.ศ.2568 เวลา09.30 นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร (คบท.) ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และเสนาธิการทหาร โดยการประชุมครั้งนี้ ได้เรียนเชิญคณะผู้บัญชาการทางทหารชุดใหม่เข้าร่วมประชุมด้วย

ทั้งนี้ก่อนการเริ่มประชุม พลเอก ทรงวิทย์ ได้ขอให้ ผู้เข้าร่วมประชุมยืนไว้อาลัย ทหาร 15 นายที่เสียชีวิต รวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

'ผบ.เหล่าทัพ' ลั่น ปิดด่านจนกว่า กัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทย

โดยในที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นดังนี้

1. การปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดย ที่ประชุม คบท. เห็นชอบให้คงสภาพปัจจุบันในการปิดด่าน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป

'ผบ.เหล่าทัพ' ลั่น ปิดด่านจนกว่า กัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทย

2. เห็นว่าปัจจุบันกัมพูชายังถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ จึงจัดทำรั้วชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีข้อสรุปสำหรับการสร้างรั้วชายแดน เห็นควรสร้างในพื้นที่เส้นเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว สำหรับในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จะใช้มาตรการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่องรวมทั้งให้มีการสร้างเส้นทางยุทธวิธีตลอดแนว

3. แนวทางดำเนินการต่อการละเมิดอธิปไตยของไทย โดยมีข้อสรุปดังนี้ คือ การดำเนินการตามกฎการใช้กำลังสากล (ROE — Rules of Engagement) เมื่อการกระทำเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปรปักษ์ (Hostile Act) หรือเจตนาที่เป็นปรปักษ์ (Hostile Intent) โดยเฉพาะหากเป็นการสอดแนมหรือเตรียมโจมตี ซึ่งตามกฎการ ใช้กำลัง สามารถใช้เป็นเหตุเริ่มการป้องกันตนเองได้ โดยได้วางมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทั้งนี้ ได้นำเสนอแนวทางการปฏิบัติไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว