เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจ หลังพระครูปริยัติวัฒนกิจ (สมาน ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ตัดสินใจลาสิกขา

19ก.ย.68 กรณีผู้ช่วยเจ้าวาสวัดหัวลำโพง ตัดสินใจยอมสึก ซึ่งที่วัดหัวลำโพง พระอารามหลวง พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังพระครูปริยัติวัฒนกิจ (สมาน ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ตัดสินใจลาสิกขา ท่ามกลางกระแสข่าวพัวพันสีกาและการยักยอกเงินวัด

เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ปัดซื้อบ้าน 30 ล้าน ให้สีกาที่นครสวรรค์

เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ปัดซื้อบ้าน 30 ล้าน ให้สีกาที่นครสวรรค์

พระธรรมสุธี กล่าวว่า ช่วงค่ำวานนี้ พระครูปริยัติวัฒนกิจมาหาตนที่กุฎิ พร้อมกับตัดสินใจลาสิกขาด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากให้พระพุทธศาสนาและวัดหัวลำโพงเสื่อมเสียจากข่าวลือที่เกิดขึ้น แม้ตนเองรู้สึกเสียดาย เพราะผู้ช่วยเจ้าอาวาสรูปนี้ถือเป็นพระนักปฏิบัติที่ทำงานเก่ง มีความสามารถ และบวชมานาน ตนเองจึงไม่อยากให้สึก แต่ก็เคารพการตัดสินใจ และไม่ทราบว่าหลังลาสิกขาแล้วไปที่ใดต่อ

เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ปัดซื้อบ้าน 30 ล้าน ให้สีกาที่นครสวรรค์


ส่วนกรณีที่บางเพจ กล่าวหาว่า เจ้าอาวาสใช้เงินวัดซื้อบ้าน ราคา 30 ล้าน ให้สีกาที่จังหวัดนครสวรรค์ พระธรรมสุธียืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า “บวชเป็นพระมาตั้งแต่เด็ก เงิน 30 ล้านยังไม่เคยจับสักครั้ง” โดยชี้แจงว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นญาติโยมที่เคยรู้จักกันมากว่า 10 ปี จากการนำวัตถุมงคลมาให้เช่าบูชา

 

ภายหลังมีการชักชวนมาร่วมทอดกฐินที่วัดบ่อยครั้ง บางโอกาสตนให้เงินสด 5,000–6,000 บาท เพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหารถวายพระ เพราะเห็นว่าสีกาทำอาหารเก่ง ไม่ใช่การซื้อบ้านหรือดูแลส่วนตัวตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งบ้านที่นครสวรรค์ก็เป็นบ้านของสีกา ที่สีกาอยู่กับลูก ๆ และมีสามี เพียงแต่สามีไม่ได้อยู่ประจำ

สำหรับข้อกล่าวหาว่า รองเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง มีลูกสาวขายยาและภรรยาปล่อยเงินกู้ พระธรรมสุธีปฏิเสธเช่นกัน โดยย้ำว่าพระเทพอาพาธ ต้องนั่งรถเข็น ไม่สามารถมีภรรยาได้ และไม่มีลูกสาวตามที่ถูกพาดพิง มีเพียงลูกสาวบุญธรรมที่ญาติโยมฝากไว้ด้วยความศรัทธา อีกทั้งพระเทพยังเป็นผู้ดูแลงานก่อสร้างและออกแบบอาคารต่าง ๆ ของวัดมาโดยตลอด และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับบัญชีเงินของวัดแต่อย่างใด

เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ปัดซื้อบ้าน 30 ล้าน ให้สีกาที่นครสวรรค์

พระธรรมสุธี กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่คิดจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับเพจที่นำข้อมูลออกมาเผยแพร่ เพราะตั้งใจอโหสิกรรมให้ พร้อมฝากญาติโยมและสังคมว่า ควรติดตามข่าวสารอย่างมีสติและใช้วิจารณญาณ โดยยืนยันว่า “สิ่งที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ความจริงก็คือความจริง”