- 22 ก.ย. 2568
อาสามูลนิธิดัง ล่อลวงเด็กชายอยากเป็นกู้ภัย บังคับอนาจาร พบเหยื่อเยาวชน4ราย ตร.จ่อหมายจับคาดยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายไม่กล้าแจ้งความเพราะอับอาย
เมื่อเวลา 10.30.น. วันที่22 ก.ย.2568
ที่ สน.บางขุนเทียน นาง ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง น.ส.กุลจิรา โฉมไสว และ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร น.ส. สุภานันท์ แจ่มศรี นิติกร กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เข้าพบ พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก. สน. บางขุนเทียน เพื่อติดตามคดี หลังมีผู้ปกครอง และพลเมืองดีร่วมกัน เข้าแจ้งความ กับตำรวจ สน.บางขุนเทียน หลังมีเยาวชนชาย4 คน อายุ 11-14 ปี ถูก นายหรั่ง (นามสมมุติ) เจ้าของอู่ซ่อมสีรถยนต์ ย่าน ถนน เทอดไท แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.และเป็นอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิดัง อนาจาร
เหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องจาก มีผู้ปกครองของ ด.ช.นก อายุ13 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท. หญิง ฉัตรวิไล ธนอาภากร รอง สว.สอบสวน สน. บางขุนเทียน เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าถูกนายหรั่ง (นามสมมุติ) เจ้าของอู่ซ่อมสีรถยนต์ ซอย เทอดไท56/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.และเป็นอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิดัง บังคับให้ ด.ช.นก อมอวัยวะเพศให้ ภายในอู่ซ่อมสีรถของตนเอง โดยเหตุเกิด 2 ครั้ง คือ ช่วง ธ.ค. 67 และ เม.ย.68
ขณะเดียวกัน ยังมีเยาวชนอีก 3 ราย อายุ 11 – 14 ปี ถูกบังคับ ให้กระทำในลักษณะเดียวกัน และเข้าแจ้งความเอาไว้ ที่ สน.บางขุนเทียนเช่นเดียวกัน
นายไก่ นามสมมุตร อายุ45 ปี อาชีพ ธุระกิจส่วนตัว พลเมืองดี ที่พา ด.ช. เอ อายุ 11 ปี เข้าแจ้งความ เผยว่า ตนและ ด.ช.เอ และเหยื่อคนอื่นๆ และ นายหรั่ง ผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน โดย ผู้ก่อเหตุ เป็นเจ้าของอู่ทำสีรถยนตร์ และ เป็นอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิดัง
นายไก่ เผยต่ออีกว่า ด.ช.เอ และ ด.ช.นก และเยาวชนอีก2 ราย เป็นเพื่อนกัน โดย ด.ช.นก มีความฝันอยากเป็นอาสาสมัครกู้ภัย จึงไปติดต่อกับนายหรั่ง ให้ประสานงานเรื่องการสมัครเป็นกู้ภัยให้ ก่อนต่อมา ด.ช.นก และด.ช.เอ และเยาชนอีก2 คนมักเข้าไปนั่งเล่นในอู่ดังกล่าวเป็นประจำ
นายไก่ กล่าวต่ออีกว่า ต่อมา ตนได้ยินกลุ่มเยาวชนคนอื่นๆ ล้อเลียน ด.ช.เอ ว่าถูกอนาจาร ตนจึงเรียกมาสอบถาม จนทราบเรื่องราวว่า ด.ช.เอ และเด็กอีก 3ราย ถูกบังคับให้ใช้ปากอมอวัยวะเพศให้ ตนจึงไปแจ้งให้บรรดาผู้ปกครองทราบ และเดินทางเข้าแจ้งความในเวลาต่อมา
พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สภ.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นเยาวชน จึงต้องมีการสอบปากคำด้วยความระมัดระวัง โดยจะมีนักจิตวิทยาเด็กและอัยการเข้าร่วมฟังการสอบสวน พร้อมเรียกผู้ปกครองของเด็กทั้ง 4 คนมาสอบปากคำด้วย
โดยความผิดฐานนี้สามารถขอหมายจับได้ หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จะรีบขอหมายจับกุมตัวผู้กระทำผิดดำเนินคดีตามกฎหมาย” พร้อมระบุว่า ผู้เสียหายเบื้องต้นมี 4 ราย และอยากฝากว่า ผู้เสียหายรายอื่นสามารถเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมได้ เพราะเยาวชนบางคนอาจอับอายและไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง
สำหรับข้อหาที่เตรียมขอหมายจับมี 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยไม่มีเหตุอันสมควร,และข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ , ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา
ส่วนด้านการตรวจร่างกายเด็ก จำเป็นต้องรอผลเพื่อยืนยันว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ เนื่องจากคำให้การของเด็กอาจยังไม่ครบถ้วน และอาจนำไปใช้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม
พ.ต.อ.กฤติเดช ระบุว่า หากเหตุเกิดภายใน 1–7 วัน เชื่อว่ายังมีร่องรอย แต่หากเป็นเดือนแล้วอาจตรวจหาหลักฐานได้ยากทั้งนี้ การทำสำนวนต้องรอบคอบและรัดกุม การแจ้งข้อหาใดๆ ต้องมีหลักฐานเพียงพอ วันนี้ตำรวจได้นัดผู้เสียหายทั้ง 4 คนเข้ามาสอบปากคำ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยื่นขอหมายจับตามกฎหมาย
นางสาวชลิดา พะวงละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นห่วงสภาพจิตใจของเด็กทุกคน เนื่องจากบางรายมีปัญหาครอบครัว เช่น พ่อแม่แยกทางกัน เด็กไม่ได้อยู่กับแม่ แม่เสียชีวิต หรือแม้แต่เด็กที่อยู่กับพ่อ พ่อก็ไม่ได้ใส่ใจ และบางครั้งอาศัยอยู่กับยายที่มีอายุมากแล้ว จึงไม่ได้ดูแลเด็กอย่างเต็มที่ ทำให้เด็กบางคนอาจถูกปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ถึงแม้จะมีผู้ใหญ่ใจดีเข้ามาช่วยเหลือ แต่สิ่งสำคัญคือทางเจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้ามาดูแลทั้งสภาพจิตใจและความเป็นอยู่ของเด็ก บางรายอาจจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิได้ประสานงานกับบ้านพักเด็กและครอบครัว รวมถึงกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของกระทรวงยุติธรรม เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือด้านการเยียวยาแก่ครอบครัวของเด็กที่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว เปิดเผยว่าขณะนี้จะเข้าไปดูแลเด็กเป็นรายบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีสภาพปัญหาและความต้องการแตกต่างกัน โดยมุ่งเน้นการเยียวยาสภาพจิตใจอย่างระมัดระวัง
โดยขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา เพราะน้องอาจบอบช้ำจากการถูกซักถามและความสนใจของสังคม การเข้าไปทำอะไรมากเกินไปอาจย้ำความเจ็บปวดของเด็ก เราจึงต้องให้เวลาและเข้าไปดูแลทั้งสภาพจิตใจและความเป็นอยู่ แนวทางการดูแลเด็กในระยะยาวก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหลังจากนี้เด็กต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ ส่วนนี้ถือเป็นมิติของการดูแลระยะกลางและระยะยาว






