- 25 ก.ย. 2568
“น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง อาการดีขึ้นต่อเนื่อง ทีมสัตวแพทย์เฝ้าดูแลใกล้ชิด 24 ชั่วโมง เผยสาเหตุการสลัดลูก ธรรมชาติของช้างป่า
กรมอุทยานฯ เผยความคืบหน้าการดูแล "น้องข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง อาการคงที่และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีมสัตวแพทย์เฝ้าดูแลใกล้ชิด 24 ชั่วโมง พร้อมชี้สาเหตุการพลัดหลงหรือสลัดลูก เป็นกลไกธรรมชาติของช้างป่า ทั้งจากภัยธรรมชาติ โรคภัย หรือพฤติกรรมแม่ช้างมือใหม่ ถือเป็นบทเรียนสำคัญในการพัฒนาแนวทางอนุรักษ์ช้างป่าของไทย
กรมอุทยานฯ เผยความคืบหน้าอาการ "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลง พร้อมเผยสาเหตุ "การสลัดลูก" ถือเป็นธรรมชาติของช้างป่า
24 กันยายน 2568 - นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดการดูแล "ข้าวต้ม" ลูกช้างป่าพลัดหลงที่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศว่า ล่าสุดลูกช้างมีอาการคงที่และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมสัตวแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง
สัตวแพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก พร้อมด้วยสัตวแพทย์หญิงลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ, สัตวแพทย์หญิงกานต์พิชชา หาญอาษา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ และทีมงานจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้รายงานความคืบหน้าอาการของลูกช้างป่า "ข้าวต้ม" ยังคงกินนมได้ดีและมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตาม ทีมงานยังคงต้องเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนและให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย
ด้าน น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกช้างพลัดหลงจากฝูง โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ "พลัดหลง" และ "สลัด" ซึ่งแม่ช้างอาจจำใจต้องทิ้งลูกด้วยเหตุผลต่าง ๆ โดยสรุปเป็น 6 สาเหตุหลัก ดังนี้
1.กิจกรรมของมนุษย์: เช่น แรงสั่นสะเทือนจากยานพาหนะ หรือการไล่โดยคนทั่วไปที่ทำให้ฝูงตกใจวิ่งหนี
2.ภัยธรรมชาติ: เช่น น้ำป่า หรือหลุมยุบจากเหมืองเก่าที่กัดเซาะ
3. การเรียนรู้ไม่เพียงพอ: เช่น แม่ช้างมือใหม่ที่ขาดประสบการณ์ หรือลูกช้างซุกซน
4. โรคภัยไข้เจ็บ: โดยเฉพาะโรคเฮอร์ปีส์ไวรัส (EEHV) ที่ทำให้ลูกช้างเสียชีวิตได้ และกลไกธรรมชาติของฝูงที่จะขับลูกช้างป่วยออกเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
5.ปัญหาพันธุกรรม: เช่น โครงสร้างร่างกายผิดปกติ หรือภูมิคุ้มกันต่ำ
6. การบาดเจ็บในป่า: เช่น อุบัติเหตุหรือบาดแผลจากการใช้ชีวิตตามธรรมชาติ
นายสัตวแพทย์ภัทรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลลูกช้างพลัดหลงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น โอกาสในการส่งคืนฝูงหากไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง หรือการพิจารณาการดูแลในระยะยาวหากถูกสลัดทิ้ง สำหรับการช่วยเหลือ "ข้าวต้ม" ไม่เพียงเป็นการช่วยชีวิตลูกช้างเพียงตัวเดียว แต่ยังเป็นการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาแนวทางการอนุรักษ์ช้างป่าของไทยในอนาคต หากไม่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงมีโอกาสส่งคืนฝูงได้หากพบฝูงและฝูงอยู่ใกล้ กรณีถูกสลัดทิ้ง จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัย คือ การติดเชื้อ, อาการบาดเจ็บ, และความผิดปกติทางร่างกาย
ทั้งนี้ กรมอุทยานฯ จะยังคงติดตามและรายงานความคืบหน้าอาการของ "น้องข้าวต้ม" อย่างต่อเนื่อง ต่อไป






