- 28 ก.ย. 2568
เปิดคำพูด "สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซัดกลางเวที UN กัมพูชาเล่นบทเหยื่อ ไทยยืนหยัดสันติภาพ
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ครั้งที่ 80 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ชี้แจงท่าทีของประเทศไทยต่อสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดย นายสีหศักดิ์ มีถ้อยคำตอนหนึ่งที่ระบุว่า แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ข้อพิพาทก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชาไม่น่าพึงปรารถนาและไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเราเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เราไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน
เช้าวันนี้ ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป เป็นไปในเชิงบวกและสะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมต้องเขียนคำปราศรัยใหม่ เนื่องจากถ้อยแถลงที่น่าเสียดายที่สุดของผู้แทนกัมพูชาซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของผม น่าเสียดายที่กัมพูชา ยังคงแสดงตนว่าเป็นฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่อง โดยอ้างข้อเท็จจริงในแบบของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริงเท่านั้น
เราทราบดีว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่เสียขาจากทุ่นระเบิด เด็ก ๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจับจ่ายซื้อของในร้านขายของชำในวันนั้น แต่กลับถูกโจมตีด้วยจรวดจากฝั่งกัมพูชา
เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ข้าพเจ้าได้พบเพื่อนร่วมอาชีพชาวกัมพูชาที่สหประชาชาติ เราพูดคุยกันเรื่องสันติภาพ การเจรจา ความไว้วางใจและความเชื่อมั่น ในการหารือ 4 ฝ่ายที่จัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการโดยสหรัฐ เราขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ที่อุทิศตนเพื่อสันติภาพ
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายว่า ถ้อยแถลงของฝ่ายกัมพูชาในวันนี้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่กล่าวเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ข้อกล่าวหานั้นไร้เหตุผลจนกลายเป็นการเยาะเย้ยความจริง
ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาเป็นผู้เริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาจะขยายข้อพิพาทชายแดนให้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ และทำให้เป็นเรื่องระหว่างประเทศดังที่เกิดขึ้นในเช้าวันเสาร์อีกครั้ง
ส่วนหมู่บ้านที่เพื่อนร่วมอาชีพชาวกัมพูชากล่าวถึงนั้นอยู่ในดินแดนไทยอย่างชัดเจน ที่จริงแล้ว หมู่บ้านเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะไทยได้ตัดสินใจอย่างมีมนุษยธรรมที่จะเปิดชายแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้กับผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หนีสงครามกลางเมือง เราทำเช่นนั้นด้วยความเมตตาและหลักมนุษยธรรม ข้าพเจ้าในฐานะนักการทูตหนุ่มได้เห็นกับตาตนเอง
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดและศูนย์พักพิงถูกปิด หมู่บ้านกัมพูชาก็ยังขยายตัวตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้ไทยได้ประท้วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า กัมพูชาก็เพิกเฉยต่อคำร้องให้แก้ไขการรุกล้ำนี้ และเมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาหลังข้อตกลงสันติภาพปารีสปี 1991 เราได้เข้าไปช่วยสร้างประเทศใหม่ เราสร้างบ้าน ถนน โรงพยาบาล เพราะสันติภาพในกัมพูชาถือเป็นประโยชน์ต่อไทยเช่นกัน และนี่คือสิ่งที่เพื่อนบ้านควรทำต่อกัน
ข้อตกลงหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต้องมีความมุ่งมั่นและมีการกระทำอย่างจริงใจจากทั้งสองฝ่าย
น่าผิดหวังที่กัมพูชายังคงยั่วยุต่อเนื่อง รวมถึงระดมพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและยิงเข้ามาทางฝั่งเราเมื่อไม่นานมานี้ ตามเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นวันเสาร์ นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบโดรนสอดแนมของกัมพูชาบินเข้ามาในดินแดนไทยเกือบทุกวัน การกระทำเหล่านี้เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ย้ำไว้ในที่ประชุมพิเศษที่ปุตราจายา มาเลเซีย
ไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพเสมออย่างไม่ต้องสงสัย และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติ ขณะเดียวกัน ไทยจะยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างแน่วแน่ เราขอกัมพูชาร่วมแก้ปัญหาผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่
วันนี้ประเทศของเราทั้งสองต้องเลือกระหว่างสองเส้นทาง เราขอถามกัมพูชาว่าต้องการเดินเส้นทางใด เส้นทางความขัดแย้งต่อเนื่อง หรือเส้นทางสันติภาพและความร่วมมือ
ไทยเลือกเส้นทางสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับสิ่งนี้ แต่เราตั้งคำถามอย่างจริงจังว่ากัมพูชามีเจตนาที่จะร่วมกับเราในเส้นทางสันติภาพหรือไม่
สำหรับไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความสุจริตใจ ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่คือหนทางข้างหน้า เราจะยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ทั้งในอาเซียนและกับประเทศมหาอำนาจ เพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งร่วมกัน






