- 30 ก.ย. 2568
เจ้าของร้านนวดทนไม่ไหว โดน ตำรวจระดับรองผู้กำกับ สภ.ปราณบุรี ไถเงิน แลกไม่โดนจับ เห็นวีรกรรมแล้ว "รองแต้ม" ยังอุทาน
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที หลังจากที่เจ้าของร้านนวดแห่งหนึ่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร้องเรียนต่อ ทนายรัชพล ศิริสาคร หลังโดน ตำรวจระดับรองผู้กำกับ สภ.ปราณบุรี เรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการไม่จับกุมในข้อหาเปิดร้านนวดแฝงค้าบริการ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมพาพนักงานสาวในร้านไปล่วงละเมิด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่น ๆ รวมกว่า 10 หน่วยงาน รวมทั้งนักข่าวท้องถิ่น ที่แวะเวียนมาเรียกรับเงินอยู่เรื่อย ๆ จนสุดท้ายทนไม่ไหวต้องปิดร้านนวดแล้วเปลี่ยนไปเปิดร้านอาหาร แต่ก็ยังถูกติดตามรีดไถไม่หยุด
โดย อ้อม และ หนุ่ม เจ้าของร้านผู้เสียหายได้มาร่วมพูดคุยเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นให้กับ หนุ่ม กรรชัย และ รองแต้ม มือปราบหูดำ หรือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น. ฟังว่า เดิมเคยเปิดร้านนวดในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเปิดเป็นร้านนวดสุขภาพทั่วไป แต่พนักงานบางรายอาจรับงานพิเศษกับลูกค้าโดยตรง ซึ่งทางร้านไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้เพียงค่าชั่วโมงนวดเท่านั้น ซึ่งยอมรับว่าพนักงานเป็นชาวลาว และไม่รู้ว่าต้องทำเวิร์กเพอร์มิต คิดเพียงว่ามีพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุก็สามารถทำงานได้
ต่อมา รองผู้กำกับการตำรวจในพื้นที่ได้นำกำลังเข้าตรวจร้าน พร้อมแจ้งว่ามีความผิดฐานแฝงค้าประเวณี ก่อนจะพาตัว อ้อม ไปพูดคุยที่เซฟเฮาส์หลังโรงพัก ก่อนตำรวจรายนี้เรียกรับเงิน 50,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่อ้อมยืนยันว่าไม่มีเงินให้ หลังจากนั้นแม้จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ตำรวจนายนี้กลับแวะเวียนไปที่ร้านนวดและเรียกพนักงานสาวชาวลาวไปล่วงละเมิด โดยอ้างว่าเป็นการแลกกับการไม่จับกุม ทำให้พนักงานหลายคนหวาดกลัวและตัดสินใจลาออก
ก่อนที่ อ้อม มาทราบภายหลังว่ามีพนักงานอย่างน้อย 3 รายถูกล่วงละเมิดในลักษณะเดียวกัน ต่อมาผู้เสียหายยังถูกรีดไถด้วยวิธีต่างๆ เช่น การพาคนอื่นไปดื่มกินแล้วส่งบิลมาให้เธอจ่าย โดยอ้างว่าเป็นการดูแลตำรวจ ลักษณะเป็นการข่มขู่เรียกเงินอยู่ตลอดจนถึงขั้นผวาเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ของตำรวจนายนี้โทรเข้ามา เพราะไม่รู้ว่าจะถูกเรียกให้จ่ายค่าอะไรอีก
เมื่อไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ เจ้าของร้านจึงตัดสินใจปิดร้านนวด แล้วไปเปิดร้านอาหารลักษณะเป็นร้านเหล้าในทำเลใหม่ แต่ก็ยังเจอปัญหาเดิม ทั้งตำรวจและนักข่าวบางรายยังคงเรียกเก็บเงิน โดยบางคนอ้างว่าได้รับการแนะนำจากรองผู้กำกับคนเดิมให้มาติดต่อรับเงินกับร้าน
อ้อมเล่าว่า นักข่าวจากเพจหนึ่งโทรศัพท์มาเรียกร้องให้จ่ายเงินรายเดือนเป็นค่าดูแล แต่เธอปฏิเสธ เพราะร้านมีใบอนุญาตถูกต้อง เปิดปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด และในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าน้อย รายได้ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถจ่ายได้ หลังจากปฏิเสธก็เริ่มถูกร้องเรียนด้วยข้อหาต่าง ๆ ถูกถ่ายภาพหน้าร้านไปลงเพจพร้อมข้อความเท็จในลักษณะกลั่นแกล้ง อีกทั้งยังถูกตำรวจระดับรองผู้กำกับโทรมากดดันให้จ่ายเงินอีกครั้ง แต่เธอยืนยันปฏิเสธ และสุดท้ายต้องปิดร้านไปเพราะไม่มีลูกค้าและถูกเรียกเก็บเงินต่อเนื่อง
กระทั่งวันที่ 17 กันยายน เวลาประมาณ 3 ทุ่ม รองผู้กำกับการคนเดิมพร้อมลูกน้องบุกเข้าตรวจค้นร้านอาหารของเธอโดยไม่แสดงหมายค้น และไม่แสดงตนว่าเป็นใคร จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เธอจึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้ง เนื่องจากเธอปฏิเสธการจ่ายเงิน อีกทั้งตำรวจนายนี้เคยมาใช้บริการที่ร้านนวดเก่าแต่ไม่เคยจ่ายเงิน ทำให้ไม่พอใจและใช้อำนาจกดดัน ทั้งยังข่มขู่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อ้อม จึงกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจในพื้นที่ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทนายรัชพล
ด้าน ทนายรัชพล ระบุว่า จากคลิปเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายนำมาให้ตรวจสอบ พบว่าเป็นการเข้าตรวจค้นในเวลากลางคืน หากไม่มีเหตุจำเป็นหรือหมายค้นจากศาล ถือว่าดำเนินการไม่ถูกต้อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ต้องแสดงตน ชื่อ ยศ และตำแหน่ง แต่จากคลิปไม่มีการแสดงใด ๆ เข้าข่ายการใช้อำนาจโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และอาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืน ขณะที่นักข่าวที่นำภาพไปเผยแพร่พร้อมข้อความเท็จ อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งหลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความต่อที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวแล้ว ช่วงตอนหนึ่ง รองแต้ม ถึงขั้น ลั่นออกมาเลยว่า ระยำจริงๆ จน หนุ่ม กรรชัย ยังตกใจ อย่างไรก็ตาม ในรายการพยายามจะติดต่อไปยัง ผกก.โรงพัก สภ.ปราณบุรี ผู้บังคับการจังหวัด แต่ไม่สามารถที่จะติดต่อใครได้เลย ทำให้ช่วงท้ายรายการ ทนายรัชพล บอกว่าจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับทาง ปปป. และ ปปท. ต่อไป






