จบด้วยการขอขมา! หนุ่มถีบกระจกรถยนต์กลางถนนวิภาวดีฯเข้ามอบตัว อ้าง ถูกรถใหญ่เบียดมาก่อน ทำให้เครียดสติหลุด ยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด

กรณีหนุ่มถีบกระจกรถยนต์ ล่าสุด  นายณัฐพงษ์ อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุใช้เท้าถีบกระจกมองข้างรถยนต์บนถนนวิภาวดีเมื่อวานนี้ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ดอนเมือง โดยมี พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เชื้อเดช รอง ผบก.จร , พ.ต.อ. ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง และ พ.ต.ท. ดามพวร (ดาม พะ วอน)  ทองอิ่ม รองผู้กำกับ สน.วิภาวดี 

มอบตัวแล้ว หนุ่มถีบกระจกรถ เครียด-สถิติหลุด จบด้วยการไหว้ขอขมา

โดย นายณัฐพงษ์ เดินทางมากับ แม่ พร้อมถุงยาที่รักษาอาการเครียดของตัวเอง และใบประวัติการรักษา บอกว่า วันดังกล่าว ตนเองขี่รถจักรยานยนจะไปทำงาน แต่มีรถใหญ่มาเบียดมอไซต์ตนเอง แล้วเกิดความโมโห และเครียด จากโรคที่เป็นอยู่ จึงได้ระบายออกด้วยการไปถีบกระจกมองข้างของคนอื่น 

มอบตัวแล้ว หนุ่มถีบกระจกรถ เครียด-สถิติหลุด จบด้วยการไหว้ขอขมา

นายณัฐพงษ์ บอกว่าตนเองรู้สึกผิดมากๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่ทำอีก ผมขอโอกาสผมสำนึกผิดแล้ว ส่วนป้ายทะเบียนที่มีการแปะสติกเกอร์จากเลข 3 เป็นเลข 8 บอกว่าเพื่อนแกล้ง ตนไม่ได้จะดัดแปลงอะไร 

มอบตัวแล้ว หนุ่มถีบกระจกรถ เครียด-สถิติหลุด จบด้วยการไหว้ขอขมา

พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เชื้อเดช รอง ผบก.จร บอกว่ากรณีดังกล่าว ต้องแบ่งการรับโทษเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคดีอาญา เป็นความรับผิดชอบของสน.ดอนเมือง ได้แจ้งข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่สามารถยอมความได้ และคู่กรณีได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย คือรถแท็กซี่และรถตู้ คันละ 3000บาท


ส่วนข้อหาทาง พรบ.จราจร ที่ทางสน. วิภาวดีรับผิดชอบเบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหา คือ 
ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร  ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน  ขับรถคร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ /// ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น  ซึ่ง ข้อหาสุดท้ายมีโทษสูง จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จทางตำรวจจะอายัดตั๋วให้สน.วิภาวดี นำไปส่งฝากขังที่ศาลแขวงดอนเมือง

มอบตัวแล้ว หนุ่มถีบกระจกรถ เครียด-สถิติหลุด จบด้วยการไหว้ขอขมา

ส่วนการนำสติ๊กเกอร์มาปิดบังเพื่อให้เห็นเป็นเลขอื่น ส่วนนี่อยู่ต้องทำการสอบสวนอย่าละเอียด หากพบว่ามีเจตนาในการปิดบังทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาในส่วนข้อหาที่เกี่ยวข้องต่อไป


ขณะที่ นายรัตน์พงศ์ ผู้เสียหายที่ขับรถแท็กซี่ ได้เดินทางมาพบผู้ก่อเหตุ หลังจากพูดคุยก็บอกว่า ตนเองไม่รู้สึกโกรธ และได้ให้อภัยไปแล้ว เพราะผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตจึงไม่อยากเอาความ และเกิดเหตุยืนยันตนขับรถมาตามเลนปกติ จากนั้นได้ยินเสียงโครม นึกว่าจักรยานยนต์มาเบียดชน ตนจึงบีบแตรไปหนึ่งที

 

แต่ก็ไม่ได้ตามเพราะจราจรติดขัด จากนั้นจึงเห็นว่ากระจกมองข้างด้านขวาพังเสียหาย รู้สึกกังวลใจจึงโทรไปหาเถ้าแก่อู่รถแท็กซี่ เถ้าแก่บอกให้ตนต้องไปซ่อมเอง จึงไปเปลี่ยนมาในราคา 3200 บาท  เมื่อถามได้เงินเงินชดเชยกลับมาเพียง 3000 เอง ผู้เสียหายบอกว่า ไม่เป็นไรยอมขาดทุนเพราะเห็นเค้าป่วยเราก็สงสาร และยังบอกกับผู้ก่อเหตุว่าต่อไปขับรถก็ให้ขับดีๆขับระมัดระวัง อย่าไปทำเหตุการณ์แบบนี้อีก