- 02 ต.ค. 2568
จบด้วยการขอขมา! หนุ่มถีบกระจกรถยนต์กลางถนนวิภาวดีฯเข้ามอบตัว อ้าง ถูกรถใหญ่เบียดมาก่อน ทำให้เครียดสติหลุด ยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด
กรณีหนุ่มถีบกระจกรถยนต์ ล่าสุด นายณัฐพงษ์ อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุใช้เท้าถีบกระจกมองข้างรถยนต์บนถนนวิภาวดีเมื่อวานนี้ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ดอนเมือง โดยมี พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เชื้อเดช รอง ผบก.จร , พ.ต.อ. ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง และ พ.ต.ท. ดามพวร (ดาม พะ วอน) ทองอิ่ม รองผู้กำกับ สน.วิภาวดี
โดย นายณัฐพงษ์ เดินทางมากับ แม่ พร้อมถุงยาที่รักษาอาการเครียดของตัวเอง และใบประวัติการรักษา บอกว่า วันดังกล่าว ตนเองขี่รถจักรยานยนจะไปทำงาน แต่มีรถใหญ่มาเบียดมอไซต์ตนเอง แล้วเกิดความโมโห และเครียด จากโรคที่เป็นอยู่ จึงได้ระบายออกด้วยการไปถีบกระจกมองข้างของคนอื่น
นายณัฐพงษ์ บอกว่าตนเองรู้สึกผิดมากๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็จะไม่ทำอีก ผมขอโอกาสผมสำนึกผิดแล้ว ส่วนป้ายทะเบียนที่มีการแปะสติกเกอร์จากเลข 3 เป็นเลข 8 บอกว่าเพื่อนแกล้ง ตนไม่ได้จะดัดแปลงอะไร
พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ เชื้อเดช รอง ผบก.จร บอกว่ากรณีดังกล่าว ต้องแบ่งการรับโทษเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคดีอาญา เป็นความรับผิดชอบของสน.ดอนเมือง ได้แจ้งข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่สามารถยอมความได้ และคู่กรณีได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย คือรถแท็กซี่และรถตู้ คันละ 3000บาท
ส่วนข้อหาทาง พรบ.จราจร ที่ทางสน. วิภาวดีรับผิดชอบเบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหา คือ
ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ขับรถคร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ /// ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่ง ข้อหาสุดท้ายมีโทษสูง จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จทางตำรวจจะอายัดตั๋วให้สน.วิภาวดี นำไปส่งฝากขังที่ศาลแขวงดอนเมือง
ส่วนการนำสติ๊กเกอร์มาปิดบังเพื่อให้เห็นเป็นเลขอื่น ส่วนนี่อยู่ต้องทำการสอบสวนอย่าละเอียด หากพบว่ามีเจตนาในการปิดบังทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาในส่วนข้อหาที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ นายรัตน์พงศ์ ผู้เสียหายที่ขับรถแท็กซี่ ได้เดินทางมาพบผู้ก่อเหตุ หลังจากพูดคุยก็บอกว่า ตนเองไม่รู้สึกโกรธ และได้ให้อภัยไปแล้ว เพราะผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตจึงไม่อยากเอาความ และเกิดเหตุยืนยันตนขับรถมาตามเลนปกติ จากนั้นได้ยินเสียงโครม นึกว่าจักรยานยนต์มาเบียดชน ตนจึงบีบแตรไปหนึ่งที
แต่ก็ไม่ได้ตามเพราะจราจรติดขัด จากนั้นจึงเห็นว่ากระจกมองข้างด้านขวาพังเสียหาย รู้สึกกังวลใจจึงโทรไปหาเถ้าแก่อู่รถแท็กซี่ เถ้าแก่บอกให้ตนต้องไปซ่อมเอง จึงไปเปลี่ยนมาในราคา 3200 บาท เมื่อถามได้เงินเงินชดเชยกลับมาเพียง 3000 เอง ผู้เสียหายบอกว่า ไม่เป็นไรยอมขาดทุนเพราะเห็นเค้าป่วยเราก็สงสาร และยังบอกกับผู้ก่อเหตุว่าต่อไปขับรถก็ให้ขับดีๆขับระมัดระวัง อย่าไปทำเหตุการณ์แบบนี้อีก





