ปวดข้อ สู่ก้อนแข็งใต้ผิว หมอไขปริศนา "โทฟัส" ภัยเงียบโรคเก๊าท์

หมอเก่ง เปิดข้อมูล ก้อนโทฟัสใต้ผิวหนังจากเก๊าท์เรื้อรัง หากไม่ควบคุมกรดยูริก อาจทำข้อเสียรูป ตรวจรักษาเร็ว ลดความเสี่ยงได้

จากกรณี ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ โพสต์ผ่านเพจเฟสบุ๊ก หมอเก่งกระดูกและข้อ อธิบายเรื่อง โทฟัส (Tophi) ก้อนใต้ผิวหนังที่เกิดจากโรคเก๊าท์เรื้อรัง ระบุว่า ก้อนใต้ผิวหนังที่เกิดจากโรคเก๊าท์เรื้อรัง

 

ปวดข้อ สู่ก้อนแข็งใต้ผิว หมอไขปริศนา "โทฟัส" ภัยเงียบโรคเก๊าท์

คุณไพโรจน์ อายุ 58 ปี ตั้งคำถามว่า “หมอครับ ผมมีก้อนแข็ง ๆ ขึ้นที่หลังเท้า ไม่เจ็บ แต่ไม่น่าจะใช่กระดูก ผมเคยเป็นเก๊าท์มาก่อน” ก้อนนี้สังเกตเห็นมานานแต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่เจ็บ จนเมื่อมีหลายก้อนและรูปร่างเท้าเปลี่ยน จึงมาตรวจ หมอเก่งชี้ว่า ก้อนดังกล่าวอาจเป็น โทฟัส (Tophi) ซึ่งเกิดจากโรคเก๊าท์ที่ไม่ได้ควบคุมเป็นเวลาหลายปี

โทฟัส (Tophi) คืออะไร?
โทฟัสคือก้อนของผลึกยูริก (urate crystals) ที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง เกิดจากโรคเก๊าท์เรื้อรังที่ระดับกรดยูริกในเลือดสูงต่อเนื่อง โดยผลึกยูเรตจะตกตะกอนบริเวณข้อและเนื้อเยื่อรอบ ๆ คนที่เป็นเก๊าท์เฉียบพลันมักมีแค่ข้ออักเสบ แต่หากไม่ควบคุมระดับยูริก กรดยูริกจะสะสมมากขึ้นจนกลายเป็นโทฟัส โดยมักพบที่ 

  • ข้อนิ้วเท้า ข้อนิ้วมือ
  • หลังเท้า
  • ข้อศอก
  • ใบหู
  • รอบข้อที่เคยอักเสบบ่อย
  • บางรายก้อนอาจใหญ่จนข้อผิดรูป เดินลำบาก หรือเกิดการอักเสบซ้ำ
     

ปวดข้อ สู่ก้อนแข็งใต้ผิว หมอไขปริศนา "โทฟัส" ภัยเงียบโรคเก๊าท์  

ลักษณะของก้อนโทฟัส

  • นูนใต้ผิวหนัง แข็งเหมือนกระดูก
  • ไม่เจ็บ หากไม่อักเสบ
  • ผิวหนังบางลงหรือมีสีขาวอมเหลือง
  • บางกรณีแตก มีผงสีขาวคล้ายชอล์ก (ผลึกยูริก)

โทฟัสบอกอะไรเกี่ยวกับโรคเก๊าท์?

  • เป็นเก๊าท์เรื้อรังหลายปี (มักเกิน 10 ปี)
  • ระดับยูริกในเลือดสูงต่อเนื่องโดยไม่ควบคุม
  • เสี่ยงโรคแทรกซ้อน เช่น นิ่วในไต หรือไตเสื่อม
  • การรักษาเก๊าท์ต้องไม่ใช่แค่แก้อักเสบเมื่อปวด แต่ต้อง ควบคุมระดับกรดยูริกให้อยู่ในเกณฑ์ตลอดเวลา (≤ 6 mg/dL)

การวินิจฉัยโทฟัส

  • ซักประวัติว่าเคยเป็นเก๊าท์หรือไม่
  • ตรวจร่างกายดูตำแหน่งและลักษณะก้อน
  • เจาะเลือดวัดระดับกรดยูริก
  • เอกซเรย์ข้อ หรืออัลตราซาวด์ดูลักษณะภายในก้อน
  • บางรายอาจเจาะก้อนตรวจผลึกยูริก

การรักษาโทฟัส

  • ควบคุมระดับกรดยูริก ≤ 6 mg/dL ด้วยยา เช่น allopurinol หรือ febuxostat ภายใต้การดูแลแพทย์
  • หลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เบียร์
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยขับกรดยูริก
  • รักษาอักเสบเฉียบพลันด้วย colchicine, ยาแก้อักเสบ หรือสเตียรอยด์ตามแพทย์สั่ง
  • กรณีโทฟัสใหญ่หรืออักเสบบ่อย อาจต้องผ่าตัด โดยเฉพาะหากข้อเริ่มผิดรูปหรือเคลื่อนไหวลำบาก

โทฟัสหายได้ไหม?
ข่าวดีคือ หากควบคุมระดับกรดยูริกได้ต่อเนื่อง (≤ 5–6 mg/dL) ก้อนจะค่อย ๆ เล็กลง และบางรายอาจหายเองใน 1–2 ปี ยิ่งเริ่มรักษาเร็ว โอกาสหายยิ่งสูง และลดความเสี่ยงข้อผิดรูป

หมอสรุปว่า โทฟัสคือสัญญาณเตือนว่าโรคเก๊าท์เริ่มลุกลาม ไม่ใช่แค่ข้ออักเสบชั่วคราว แต่เป็นการสะสมกรดยูริกที่อาจทำลายข้อต่อและอวัยวะภายใน หากพบก้อนนูนใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นเก๊าท์ ควรมาตรวจทันที เพื่อรักษาก่อนข้อเสียหายถาวร

ขอบคุณ หมอเก่งกระดูกและข้อ