- 06 ต.ค. 2568
ตำรวจไซเบอร์ ผนึก กสทช. บุกคอนโดคนจีน ยึด Mini PC เถื่อนกว่า 130 ชิ้น ใช้ใส่ซิมปล่อยสัญญาณปลอม คาดใช้ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.4 บก.สอท.4 ได้สืบสวนพบเบาะแสว่า มีการลักลอบตั้งศูนย์ปฏิบัติการต้องสงสัย ภายในอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร โดยอาจใช้เป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลภาพถ่ายภายในห้องดังกล่าว พบว่าเป็นภาพของชั้นวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกติดตั้งเรียงกันเป็นจำนวนมาก โดยอุปกรณ์ดังกล่าว คาดว่าเป็นเครื่องมินิพีซี (Mini Pc)
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลอาญาพระโขนงได้สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4 ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาพระโขนง เลขที่ ค127/2568 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เข้าตรวจค้นห้องพักบนชั้น 23 ของอาคารคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
โดยขณะเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบผู้จัดการของบริษัทรับฝากขายเช่าเป็นผู้ดูแลห้องดังกล่าวให้แก่เจ้าของห้อง พร้อมกับผู้จัดการนิติบุคคลอาคาร จึงได้แสดงหมายค้น จากนั้นจึงได้นำเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น
ผลจากการตรวจค้น พบสิ่งเครื่องวิทยุคมนาคม(Mini Pc) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และฐานรองซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 137 ชิ้น ซึ่งเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อน (Router ใส่ sim) ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน กสทช.
โดยอุปกรณ์แต่ละตัวมีเสาอากาศ สายไฟ และสาย LAN เชื่อมต่ออยู่ อุปกรณ์เหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับการใช้สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปริมาณมากในเวลาเดียวกัน เช่น ระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อใช้รองรับการหลอกลวงในรูปแบบ Scammer
จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเพิ่มเติมว่า อุปกรณ์เหล่านี้ยังอาจถูกใช้เพื่อปล่อยสัญญาณปลอม การดักจับข้อมูลออนไลน์ เช่น SMS หรือ OTP หรืออาจใช้สำหรับเจาะระบบบางอย่าง รวมทั้งใช้สำหรับสร้างข้อมูลการใช้งาน Server หรือ Router ปลอมขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามตัวตนจากเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบข้อมูลกับผู้จัดการของบริษัทรับฝากขายเช่าที่ดูแลห้องดังกล่าว ทราบว่าผู้เช่า คือ Mr.ZHANG HAINING สัญชาติ จีน เป็นผู้ทำสัญญาเช่าห้องพักดังกล่าว ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6 และ 11 ประกอบมาตรา 23 ฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดของกลางทั้งสิ้น 4 รายการ จำนวน 137 ชิ้น ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลติดตามตัวชาวจีนรายดังกล่าวมาดำเนินคดี รวมทั้งขบวนการที่อุปกรณ์ดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






