- 11 ต.ค. 2568
ผิดคาดมาก เส้นทางชีวิตวัยเด็ก "บอย ท่าพระจันทร์" เซียนพระชื่อดัง พร้อมเผยที่มาฉายากระฉ่อนวงการพระเครื่องไทย
เปิดชีวิต บอย ท่าพระจันทร์ จากเด็กชายธรรมดาที่ต้องเติบโตท่ามกลางความลำบาก แต่กลับไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สู่การเป็น “บอย ท่าพระจันทร์” ชื่อที่กลายเป็นตำนานในวงการพระเครื่องไทยกว่า 3 ทศวรรษ เส้นทางชีวิตของชายผู้เลือกมองโลกในแง่งาม และพิสูจน์ด้วยความพยายาม ว่า “เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกจะเป็นใครได้ หากไม่หยุดเดินตามฝัน”
โดยบอย ท่าพระจันทร์ได้โพสต์เล่าเส้นทางชีวิตของตัวเองไว้ว่า
เส้นทางชีวิตของผม…ผมรู้ดีว่า เราไม่สามารถทำให้คนทั้งประเทศรักหรือชอบเราได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ผมทำได้ คือเป็น “ตัวเอง” ในแบบที่ดีที่สุด
ตั้งแต่เด็ก ชีวิตผมไม่ได้สวยหรู พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมอายุเพียง 4 ขวบ แม่คือคนที่เลี้ยงดูผมจนเติบโต และแม่สอนผมเสมอว่า “อย่าดูถูกใคร และถ้ามีใครดูถูกเรา จงทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ และต้องทำให้ดียิ่งกว่าเดิม”
ตอนเด็ก ๆ ทุกครั้งที่ถึง “วันพ่อ” เพื่อน ๆ จะมีพ่อมาร่วมงานที่โรงเรียน แต่ผม…อาจเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครมาด้วย ผมเลือกที่จะอยู่ในห้องน้ำคนเดียว แต่ก็ทำให้ผมรู้จักความอดทนและเข้าใจคุณค่าของ “แม่” มากขึ้น
จุดเริ่มต้นของเส้นทางพระเครื่องตอนอายุ 13 ผมเริ่มสนใจ “พระเครื่อง” และหลงใหลในสิ่งนี้มาก แต่เมื่อไปเดินตลาดพระท่าพระจันทร์ ขอใครดูพระก็ไม่มีใครยอมให้ดูเลย เพราะใครจะไว้ใจเด็กตัวเล็ก ๆ มาดูพระหลักพันหลักหมื่นได้ล่ะ?
ตอนนั้นน้อยใจโชคชะตาอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็เรียนรู้ว่า “เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกเส้นทางที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จได้ หากเราพยายามมากพอ”
จากวันนั้น…ถึงวันนี้ ผ่านมา 32 ปีในวงการพระ ผมได้พบผู้คนมากมาย ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหญ่ รุ่นใหม่ วัยรุ่น วัยกลางคนแต่ไม่ว่าผมจะมีชื่อเสียงแค่ไหน “บอย ท่าพระจันทร์” ก็ยังเป็นคนเดิมเสมอ
ผมให้เกียรติทุกคน เพราะผมรู้ดีว่าทุกคนต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง ในชีวิต 45 ปีของผม ผมไม่เคยเจอใคร “หน้าด้าน หน้าทน ไม่อาย ไม่ยอมรับความจริง” และ “แถไปเรื่อย” ได้เท่านี้มาก่อน จนทำให้วงการพระแท้ต้องมาสั่นคลอนเพราะ “คอลเซนเตอร์ในคราบคนขายพระปลอม” นี่คือ หน้าประวัติศาสตร์ของวงการพระแท้ที่ทุกคนในวงการควรจดจำไปอีกนานแสนนาน
เมื่อวานผมได้มีโอกาสไปดู เฮียโน๊ต เดี่ยวไมโครโฟน มีประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดและจดจำไว้ในใจเสมอ…“โลกมันก็เป็นในแบบที่มันจะเป็น แต่สำคัญคืออยู่ที่เราจะมอง”
และนั่นแหละครับ…ผมเลือกที่จะมองโลกในมุมที่สวยงาม มุมที่ผมได้เติบโต ได้เรียนรู้ และได้เป็น “ผม” ในวันนี้
และได้โพสต์เล่าที่มาฉายา บอย ท่าพระจันทร์ ว่า
จากเด็กสาย 9… สู่ “บอยท่าพระจันทร์”
นั่งรถเมล์สาย 9 ไปลงสนามหลวง เดินผ่านสนามหลวงเข้าท่าพระจันทร์แทบทุกวัน บางวันโดดเรียนบ้าง หรือไปหลังเลิกเรียน
จนตอนอายุ 21 ก็ได้ฉายา “บอยท่าพระจันทร์” จากเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ในตลาดพระ พร้อมกับได้ลงหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ คอลัมน์ สีกาอ่าง ครั้งแรกในชีวิต
เผลอแป๊บเดียว… อยู่ในวงการพระมา 32 ปีเต็มแล้ว เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าก็จะครบ 33 ปีพอดี เวลาผ่านไปไวมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือ #ใจที่ซื่อสัตย์และเคารพผู้ใหญ่ (กับอีกอย่างคือ… หน้าเด็กเหมือนอายุ 30 ฮ่า ๆ ชมตัวเองก็มา)
#บอยท่าพระจันทร์
#สาย9ในตำนาน
#32ปีในวงการพระ






