ว่อนข่าวใหญ่ "แฉเอกสารลับวัคซีนโควิด" ล่าสุด โป๊ะแตกแล้ว

"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เปิดความจริง ข่าววัคซีนโควิด เป็นข่าวปลอม วอนประชาชนอย่างหลงเชื่อเด็ดขาด

"อ.เจษฎ์ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ ระบุว่า

ว่อนข่าวใหญ่ แฉเอกสารลับวัคซีนโควิด ล่าสุด โป๊ะแตกแล้ว

อันนี้เป็นข่าวปลอมเก่า กว่า 3 ปีแล้ว ที่บิดเบือน ให้เกิดความหวาดกลัวในวัคซีนโควิด แต่ถึงวันนี้ ก็ยังมีคนเอามาวน ทำคลิป สร้างกระแสอยู่ไม่เลิกซักที

คร่าวๆ คือ มีการอ้างว่า FDA สหรัฐอเมริกา และบริษัทไฟเซอร์ แพ้คดี โดนบังคับให้เปิดเผยข้อมูล เกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน ทำให้รู้ความจริงของผลกระทบต่างๆ ต่อสุขภาพหลังฉีดวัคซีน

แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นเอกสารการศึกษาความปลอดภัยของวัคซีน ที่การเผยแพร่ให้สาธารณะทราบเป็นระยะอยู่แล้ว ไม่ได้มีการปิดบัง .. และลิสต์ของผลข้างเคียงเชิงลบ ที่เปิดเผยนั้น เป็นเพียงการลิสต์ผลข้างเคียงใดๆ ก็ตาม ที่มีรายงานออกมาหลังคนนั้นฉีดวัคซีนไป แต่ไม่ได้จำเป็นว่า ต้องเกิดจากวัคซีน (ซึ่งส่วนใหญ่ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน)

ดูรายละเอียดจากโพสต์เก่าที่เคยเขียนอธิบายไปตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนนะครับ

----------------------------------

(รีโพสต์) "รายงานการติดตามผลการฉีดวัคซีนโควิด ของไฟเซอร์ ถูกนำไปบิดเบือนให้ความหวาดกลัววัคซีนครับ"

มีการแชร์ข้อความโจมตีวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ โดยอ้างเอกสารการศึกษาความปลอดภัยของวัคซีน ที่พึ่งจะมีการเผยแพร่ออกมาโดย FDA ( Food and Drug Administration หรือ อ.ย. ของประเทศสหรัฐอเมริกา) ซึ่งบรรยายถึงผลข้างเคียงเชิงลบ ที่เก็บรวมรวมจากคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว และไม่ได้จำเป็นว่าต้องเกิดจากวัคซีน แต่ถูกนำไปโพสต์บิดเบือน ให้เข้าใจผิดไปว่า "วัคซีน" เป็นสาเหตุของผลข้างเคียงเหล่านั้น

ซึ่งเรื่องนี้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ของไทย ได้ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แล้ว พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลเท็จ เป็นข่าวปลอม ไม่ควรแชร์ต่อครับ (ดูด้านล่างสุด)

ส่วนการอธิบายโดยละเอียด มีต่อไปนี้ครับ

- วัคซีนโควิด ของบริษัทไฟเซอร์นั้น ได้ถูกนำไปฉีดแล้วทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านโดส (ซึ่งฉีดในสหรัฐอเมริกาแล้ว 325 ล้านโดส) และได้รับการติดตามประเมินผลความปลอดภัยไปมากกว่า 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในทางสาธารณสุขว่าเป็นวัคซีนที่ปลอดภัย

- โดยรวมแล้ว ผลข้างเคียงชั่วคราวที่เกิดจากวัคซีนไฟเซอร์นั้น อาจเกิดขึ้นได้ในบางคน เช่น เป็นไข้ ปวดหัว ปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งไม่ได้เป็นอันตราย และจริงๆ ก็เป็นสัญญาณว่าวัคซีนกำลังทำงานกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นในร่างกาย ส่วนผลข้างเคียงในระดับที่รุนแรงนั้น มีรายงานจริง แต่หาได้ยากมาก

- วัคซีนไฟเซอร์ได้รับการอนุญาตให้ใช้แบบฉุกเฉินโดย FDA ของสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2020 หลังจากที่ได้ทดสอบทางคลินิคเฟส 3 แล้ว และในเดือนสิงหาคม ปี 2021 ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นวัคซีนทั่วไป (ไม่ใช่เฉพาะกรณีฉุกเฉิน) หลังจากผ่านการประเมินเรียบร้อยแล้ว

- ทีนี้ ตอนนี้ก็เกิดกระแสข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนให้คนหวาดกลัววัคซีน โดยเอาเอกสารของไฟเซอร์ ที่ FDA พึ่งเผยแพร่ออกมาตามการร้องขอ ผ่านกฏหมาย Freedom of Information Act (เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร) เอาไปพูดผิดๆ ว่า วัคซีนนั้นไม่ปลอดภัยและมีการปิดบังข้อมูลกับสาธารณชน

- ประเด็นที่โดนเอามาโจมตีคือส่วน "ภาคผนวก" ที่มีลิสต์ยาวของผลข้างเคียงต่างๆ ของวัคซีน โดยถูกโจมตีว่าสาธารณชนไม่ได้รับการเตือนถึงผลข้างเคียงเหล่านี้

- แต่จริงๆ แล้ว ลิสต์ดังกล่าวในภาคผนวก เป็นเพียงแค่ลิสต์ของอาการเชิงลบต่าง ๆ ที่ไฟเซอร์คอยเฝ้าดูอาการหลังฉีด เรียงตามลำดับตัวอักษร A-Z เป็นจำนวน 1291 อาการ และผลการวิเคราะห์ที่ออกมาก็สนับสนุนว่า วัคซีนนั้นปลอดภัย

- พูดสั้นๆ คือ ภาคผนวกนี้ เป็นเพียงแค่ลิสต์ของอาการที่บริษัทไฟเซอร์ได้ติดตามเฝ้าดู ไม่ใช่ลิสต์ของปัญหาสุขภาพที่พบหลังจากฉีดวัคซีน หรือเป็นปัญหาที่เกิดจากวัคซีน

- จุดที่มักเข้าใจผิดกัน กับรายงานสรุปของข้อมูลทำนองนี้ คือ มันเป็นการรวบรวมและวิเคราะห์อาการเชิงลบหรือปัญหาสุขภาพใดๆ ที่พบเห็นหลังจากมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว ซึ่ง "ไม่ได้แปลว่ามันมีสาเหตุจากวัคซีน" การเก็บรวบรวมอาการต่างๆ นี้มีประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและหน่วยงานควบคุม ที่จะค้นหา "สัญญาณ" ของอาการแปลกๆ ที่ไม่พบในระหว่างการทดสอบระดับคลินิค และอาจเกิดขึ้นได้เมื่อนำวัคซีนไปใช้ฉีดจริง

- เอกสารดังกล่าวของไฟเซอร์ นั้นเก็บข้อมูลหลังจากที่วัคซีนเริ่มฉีดไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 ซึ่งรวบรวมรายงานได้ 42,086 ชิ้นที่มีการระบุว่าอาการเชิงลบ ซึ่งรวมถึง 1,223 รายที่รายงานการเสียชีวิต ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะต้องเกิดจากวัคซีน เพียงแค่เป็นสิ่งที่พบว่าเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากวัคซีนจริงๆ หรืออาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ (เนื่องคนๆ นั้นอาจมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว)

- ความสับสนในการเรื่อง รายงานของอาการเชิงลบ นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อคนที่ต่อต้านวัคซีนเอาข้อมูลจากระบบ VAERS (the ​​Vaccine Adverse Event Reporting System) ในสหรัฐอเมริกา ไปอ้างว่าวัคซีนไม่ปลอดภัย (ทั้งที่อาจจะเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับวัคซีน)

- ที่ถูกต้อง คือ จะต้องนำเอาผลที่รวบรวมได้ในรายงาน ไปเปลี่ยนเทียบกับอัตราการป่วย หรืออัตราการเสียชีวิต พื้นฐานที่เคยรวบรวมได้ก่อนมีการฉีดวัคซีน มาวิเคราะห์เปรียบเทียบดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่วัคซีนจะเป็นสาเหตุของอัตราที่เพิ่มขึ้น

- ในรายงานของไฟเซอร์นั้น ก็มีการเขียนระบุไว้ชัดเจน ว่าอาการเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ ไล่ไปทีละอวัยวะนั้น ไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนว่ามีสัญญาณบ่งชี้ถึงประเด็นปัญหาด้านความปลอดภัยให้จับตามอง ผลการวิเคราะห์ได้สรุปไว้ว่า ข้อมูลหลังการนำเอามาฉีดจริงของวัคซีนไฟเซอร์ เปรียบเทียบกับความเสี่ยงต่างๆ แล้ว ยืนยันได้ถึงประโยชน์ที่มากกว่าของวัคซีน และบริษัทจะยังคงเฝ้าติดตามต่อไปเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ฉีดวัคซีน

- ยิ่งไปกว่านั้น เอกสารรายงานของไฟเซอร์นี้ ไม่ได้ถูกปิดบังซ่อนไว้อย่างที่ฝ่ายต่อต้านวัคซีนโจมตีกัน แต่เป็นการเปิดเผยตามปรกติโดย FDA ภายใต้กฏหมาย Freedom of Information Act เมื่อมีการร้องขอ โดยกลุ่ม Public Health and Medical Professionals for Transparency เป็นผู้ขอให้เปิดเผยเอกสารที่มีขนาดหนาถึง 3.29 แสนหน้านี้ 4 วันหลังจากที่ FDA อนุญาตให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้

- ประเด็นปัญหาคือ ถึงแม้ว่า FDA จะไม่ได้คัดค้านที่จะเปิดเผยข้อมูล แต่ปฏิเสธคำเรียกร้องของกลุ่มดังกล่าวในเชิงเทคนิค เพราะเอกสารมีจำนวนเป็นแสนๆ หน้า และตามอัตราปรกติ FDA จะสามารถประมวลเอกสารออกมาได้เพียงแค่ 500 หน้าต่อเดือน ทำให้กลุ่ม PHMPT ไม่พอใจเพราะจะต้องใช้เวลาถึง 55 ปีตามเรตนั้น จึงไปฟ้องต่อศาล federal court ในเดือนกันยายน 2564 ซึ่งสุดท้ายศาลได้ตัดสินให้ FDA แบ่งเอกสารเผยแพร่เป็นช่วงๆ ประมาณ 5.5 หมื่นหน้าต่อเดือน ซึ่งด้วยอัตรานี้ จะทำให้เผยแพร่เอกสารทั้งหมดได้ในปี 2565 นี้

- กลุ่ม PHMPT ก็เอาเอกสารที่ได้รับ ไปโพสต์เผยแพร่ต่อบนเว็บไซต์ของกลุ่ม และในเวลาไม่นาน ก็เริ่มมีการแชร์ข้อความบิดเบือนเกี่ยวกับลิสต์ผลอาการเชิงลบดังกล่าวออกมา

ข้อมูลจาก factcheck.org

----------------

(รายงานข่าว) ข่าวปลอม อย่าแชร์! อย. แพ้คดี หลังไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน

ตามที่มีข้อมูลในสื่อโซเชียลเรื่องอย. แพ้คดี หลังไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความโดยระบุว่า อย. แพ้คดี หลังไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน เป็นการเฝ้าระวังที่ทำกันอยู่เป็นปกติ ซึ่งจำนวนและอาการที่รายงานไม่ได้บอกว่าเกิดจากวัคซีน โดยรายงานเฝ้าระวังดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการปิดบังหรือถูกศาลสั่งให้เปิดเผยแต่อย่างใด เพราะมีการเผยแพร่ให้สาธารณะทราบเป็นระยะอยู่แล้ว โดยทาง US FDA จะมีการตรวจสอบว่าอาการต่าง ๆ ว่าเกี่ยวกับวัคซีนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ทาง US FDA ได้เฝ้าระวัง safety ของวัคซีน โดยใช้ข้อมูลเฝ้าระวังผู้เชี่ยวชาญที่พิจารณาประกอบด้วยทีมผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนั้น หากมีปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดจากวัคซีน จะต้องมีการประกาศออกมาซึ่งไม่มีการปิดบังแต่อย่างใด

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : รายงานเฝ้าระวังดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการปิดบังหรือถูกศาลสั่งให้เปิดเผยแต่อย่างใด เพราะมีการเผยแพร่ให้สาธารณะทราบเป็นระยะอยู่แล้ว โดยทาง US FDA จะมีการตรวจสอบว่าอาการต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

จาก ddc.moph.go.th