- 15 ต.ค. 2568
ลอยกระทง เมื่อความศรัทธาสะท้อนสู่สายน้ำ... ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องทบทวน "การขอขมา" ต่อพระแม่คงคา? ในปี 2568 วันลอยกระทงตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ตรงกับวันพุธ นั่นเองค่ะ
เปิดประวัติที่มา วันลอยกระทง พร้อมสิ่งที่ควรทำ ในปี 2568
1. กำเนิด "ประทีป" แห่งวันเพ็ญ: ความเชื่อที่สืบทอดจากอดีต
วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือ "วันลอยกระทง" มิได้เป็นเพียงเทศกาลแห่งความสนุกสนาน แต่รากเหง้าของมันคือพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยความเชื่อและศรัทธาอันลึกซึ้ง
มิติแห่งการบูชาและขอขมา: ความเชื่อหลักที่คนไทยยึดถือคือการ ขอขมาต่อ "พระแม่คงคา" เทพเจ้าแห่งสายน้ำ ที่ได้หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์และสรรพสัตว์ตลอดปี กระทงจึงเป็นเสมือนเครื่องสักการะและคำขอโทษที่เราได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปในน้ำโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
มิติแห่งการสะเดาะเคราะห์: ตามคติพราหมณ์แต่โบราณ การลอยกระทงคือการ "ปล่อยเคราะห์ ปล่อยโศก" โดยการตัดเล็บหรือเส้นผมใส่ลงในกระทง เพื่อให้ความทุกข์โศกโรคภัยไหลไปกับสายน้ำนั้น เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล
มิติแห่งพุทธศาสนา: บางตำนานเชื่อว่าเป็นการ บูชารอยพระพุทธบาท ที่ประทับไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที หรือบางแห่งก็เชื่อว่าเป็นการบูชา พระเกศแก้วจุฬามณี บนสรวงสวรรค์
2. "ของไหว้" ที่เปลี่ยนไป: เมื่อศรัทธาสร้างภาระให้สายน้ำ
ในอดีต กระทงทำจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายและย่อยสลายได้รวดเร็ว เช่น หยวกกล้วย ใบตอง และดอกไม้ เป็นการบูชาที่เรียบง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ทว่า... ในยุคสมัยใหม่ (Modern Challenge) สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจคือ
สิ่งที่บรรพบุรุษเราใช้ (ย่อยสลายได้) สิ่งที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน (สร้างมลภาวะ) ผลกระทบต่อ "พระแม่คงคา"
- หยวกกล้วย/ใบตอง ฐานกระทงทำจาก "โฟม" หรือ "พลาสติก" ย่อยสลายนานกว่า ๕๐๐ ปี กลายเป็นขยะพิษ ทำลายระบบนิเวศและขวางทางน้ำ
- ไม้กลัด/ก้านกล้วย เข็มหมุด/ตะปู/ลวดเย็บกระดาษ เป็นอันตรายต่อเท้าและมือของเจ้าหน้าที่เก็บขยะ และอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำหากกินเข้าไป
- ธูปเทียนธรรมชาติ สารเคลือบเงา/สีเคมี ในการตกแต่งกระทง สารเคมีตกค้างในน้ำ ทำลายความสะอาดและคุณภาพของแหล่งน้ำ
- หากการลอยกระทงคือการ "ขอขมา" การที่เราเลือกใช้โฟมหรือพลาสติก ก็ไม่ต่างอะไรกับการ "สร้างภาระ" กองโตทิ้งไว้ให้พระแม่คงคาต้องแบกรับในเช้าวันรุ่งขึ้น
3. สานต่ออย่างยั่งยืน: "ลอยกระทงรักษ์โลก" ทางรอดของประเพณี
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องนำจิตวิญญาณแห่งความศรัทธาแต่โบราณ มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อโลกในปัจจุบัน เพื่อให้ประเพณีนี้สืบทอดไปอย่างยั่งยืน
แนวคิดยุคใหม่ในการ "ขอขมา" อย่างแท้จริง
กระทงออนไลน์: เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีการสร้างขยะใดๆ ลงในแหล่งน้ำ
กระทงน้ำแข็ง: ละลายได้เร็วภายในเวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะที่ตกค้างในแหล่งน้ำได้มาก
กระทงกะลามะพร้าว/หยวกกล้วย/ใบตอง: ทำจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ แต่ควรเลือกใช้เพียงใบเดียวต่อครอบครัว และมั่นใจว่าแหล่งน้ำมีการจัดเก็บกระทงหลังลอย
ลอยน้อยแต่มากด้วยความตั้งใจ (Reduce & Share)
"หนึ่งคู่ หนึ่งใบ" หรือ "หนึ่งครอบครัว หนึ่งใบ" ลอยกระทงร่วมกันเพื่อลดปริมาณขยะอย่างแท้จริง
ลดขนาดกระทง: ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตอลังการ ขอเพียงมีใจศรัทธาและความตั้งใจที่บริสุทธิ์
ทางเลือกดิจิทัล (Digital Krathong)
ใช้แพลตฟอร์ม "ลอยกระทงออนไลน์" เพื่ออธิษฐานและร่วมสืบสานประเพณีจากที่บ้าน โดยไม่สร้างขยะเลยแม้แต่น้อย
สรุป: วันลอยกระทงที่ยั่งยืน คือการที่เราสามารถ "รักษาความเชื่อ" ในการบูชาและขอขมาพระแม่คงคาไว้ได้... พร้อม ๆ กับการ "รักษาแหล่งน้ำ" ให้คงความสะอาดและอุดมสมบูรณ์สำหรับคนรุ่นต่อไป.
มาร่วมกันทำให้คืนวันเพ็ญนี้เป็นคืนแห่งศรัทธาที่ปราศจากมลภาวะ เพื่อให้การ "ขอขมา" ของเรา มีความหมายและเป็นจริงอย่างที่สุด






