จับแล้ว "พี่ชายใจทราม" กระทำน้องสาวแท้ๆวัยแค่ 12 เป็นแผลใจหนัก

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายณัฐวุฒิฯ อายุ 20 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.294/2568 ลงวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2567 พี่ชายใจทราม ข่มขืนน้องสาวแท้ๆ วัยเพียง 12 ปี

 

 

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม" (อยู่ในประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2568 ลำดับที่ 107)

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านเช่า ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่

พฤติการณ์ วันที่ 22 ส.ค.2567 นักจิตวิทยาได้พาเด็กหญิงอายุ 12 ปี ผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งว่า ผู้เสียหายถูก นายณัฐวุฒิฯ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ กระทำชำเรา เหตุเกิดที่บ้านในพื้นที่ ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ไว้

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนหาข่าวและติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับค้างเก่า พร้อมกับสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานตำรวจ สภ.เวียงแหง เข้าตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งและเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งต่อมา พบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับบุคคลตามหมายจับกำลังเดินอยู่บริเวณหน้าบ้านเช่า ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ 

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าไปแสดงตัวก่อนทำการจับกุม นายณัฐวุฒิฯ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับฉบับนี้มาก่อน พร้อมกับนำตัวผู้ต้องหาทำบันทึกจับกุมที่ สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งฝาย จ.ลำปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ส.ต.อ.ปัญญพัฒน์ เหมมณี ผบ.หมู่ กก.4 บก.ป. โทรศัพท์ 084-0912672

"การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น"