- 18 ต.ค. 2568
ออกหมายจับ "กิจ หลีกภัย" หลังเบี้ยว,kรายงานตัวคดีทุจริตทำ MOU ท่าเรือนาเกลือ ไม่เก็บค่าธรรมเนียม จังหวัดตรัง
วันนี้ (18 ต.ค.) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจิตรและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ได้มีคำสั่งอนุมัติ “ออกหมายจับ” นายกิจ หลีกภัย หลังจากที่ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวในวันนัดส่งฟ้อง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดว่าการกระทำของนายกิจ หลีกภัย เมื่อครั้งตำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 กรณีทุจริตเกี่ยวกับการทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือและอาคารประกอบ ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล เนื่องจากจะต้องขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่า และต้องมีอัตราค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการและค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการลำเลียงขนถ่ายสินค้า รวมทั้ง ไม่ได้เสนอขอมติจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง
ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และไม่ได้ดำเนินการโดยการประมูล ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการให้เอกชน กระทำกิจการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2541 จนมีเหตุให้ไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมที่ออกใบแจ้งหนี้ไว้ก่อนตราข้อบัญญัติ และไม่สามารถนำเงินค่าตอบแทนในส่วนของการบันทึกข้อตกลงกับบริษัทแห่งหนึ่ง เข้ามาเป็นรายได้ของ อบจ.ได้
และในขณะเดียวกันยังให้บริษัทเอกชนดำเนินการให้บริการเครื่องจักรในแต่ละวันใช้เครื่องจักรประมาณ 5-8 คัน และเครื่องจักรดังกล่าวจะจอดประจำอยู่ในพื้นที่ของท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือโดยตลอด ไม่มีการนำเครื่องจักร เข้า-ออก แต่อย่างใด
และปรากฏว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้เก็บเพียงค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากบริษัทแห่งหนึ่ง เพียงค่าบริการรถยกตู้สินค้าและค่าบริการรถปั้นจั่น โดยที่ไม่ได้เรียก เก็บค่าธรรมเนียมในส่วนของเครื่องจักรกลที่บริษัทแห่งหนึ่ง นำมาไว้ในพื้นที่เขตท่าเรือเกิน 24 ชั่วโมง นั้น
เกี่ยวกับคดีดังกล่าว ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 90 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 จึงพิพากษาให้จำเลยจำคุก 5 ปี และปรับ 120,000 บาท
การสืบพยานของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้1 ใน3 คงจำคุก3 ปี4 เดือน และปรับ68,000 บาท โทษจำคุกรอไว้2 ปี






