- 20 ต.ค. 2568
เปิดอายุแม่เจ้าของกระบะจอดขวางรถฉุกเฉิน ล่าสุดรู้แล้วป่วยอะไร ถึงว่าคนเป็นลูกไม่พอใจที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแล
ยังติดตามกันอย่างต่อเนื่องสำหรับเหตุการณ์รถกระบะจอดขวางรถฉุกเฉิน หลังจากกรณี เพจของ โรงพยาบาลปลายพระยาจังหวัดกระบี่ โพสต์เรื่องราวของผู้ป่วยรายหนึ่งที่เสียชีวิตลง เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพื่อส่งต่อไปรักษาได้ เพราะมีรถกระบะจอดปิดทางเคลื่อนย้ายผู้ป่วย กลายเป็นกระแสดรามาที่สังคมให้ความสนใจ
ขณะเดียวกันด้าน เจ้าของกระบะ ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวดังกล่าวแล้วว่า วันเกิดเหตุตนเองพาแม่วัย 69 ปี มีอาการป่วยด้วยกรดไหลย้อน ทำให้จุกแน่นหายใจไม่ออก ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ก็คือโรงพยาบาลปลายพระยา ตอนที่ตนไปจอดส่งแม่ ก็ไม่มี เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมารับตัว ตนจึงต้องให้ภรรยาไปเอารถเข็นและช่วยกันเข็นแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพราะแม่มีอาการอ่อนแรงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ตอนนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่ารถฉุกเฉินที่จอดอยู่ เพิ่งเข้ามาจอดหรือเตรียมจะออกกันแน่ และไม่รู้ด้วยว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินรอขึ้นรถฉุกเฉิน ภรรยาต้องไปติดต่อทำประวัติกับพยาบาล ตนจึงต้องเข็นแม่ไปขึ้นเตียงในห้องฉุกเฉิน ช่วงนั้นไม่มี เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ตนจึงต้องเรียกให้ เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลแม่ด้วย เป็นจังหวะที่ เจ้าหน้าที่มาบอกให้ตนไปเลื่อนรถ
แต่ไม่ได้บอกว่า มีผู้ป่วยวิกฤตรอขึ้นรถฉุกเฉินอยู่ ตนเลยบอกกับ เจ้าหน้าที่ว่าตนขอพาแม่ขึ้นเตียงผู้ป่วยก่อน แล้วจะไปขยับรถให้ ตอนนั้นหากมี เจ้าหน้าที่มารับแม่ตนไปขึ้นเตียงผู้ป่วย แล้วบอกตนว่าให้ตนไปขยับรถให้ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งก่อน มันก็คงไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา ตนจึงหันไปบ่นต่อว่ากับ เจ้าหน้าที่ว่าทำไมถึงไม่แบ่งคนดูแล
จากนั้นตนก็เดินออกจากห้องเพื่อจะไปเลื่อนรถให้ แต่ตนก็ไม่เห็นผู้ป่วยฉุกเฉินดังกล่าวแล้ว ก็เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่น่าจะพาขึ้นรถฉุกเฉินไปแล้ว จังหวะที่เดินออกมาตนก็เห็นลูกสาวของผู้ป่วยคนดังกล่าว มาพูดกับตน ว่าให้ช่วยเลื่อนรถให้ ตนก็เดินออกมาจะเลื่อนรถ แต่ก็เห็นว่ารถฉุกเฉินเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ทางญาติของผู้ป่วยรายดังกล่าวก็มายืนต่อว่าภรรยาตน ตนก็ต้องพูดคุยเพื่ออธิบาย ว่าแม่ของตนก็อาการหนักเหมือนกัน เพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวจะเสียชีวิต
ตามคำแถลงของโรงพยาบาล ก็ไม่ได้ระบุว่าผู้ป่วยไปเสียชีวิตที่ไหนยังไง เวลาไหน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้อธิบายให้เข้าใจทั้งหมด มีเพียงภาพบางส่วนที่ทำให้เห็นว่าตนขัดขวาง เจ้าหน้าที่รวมถึงตอนที่ลูกสาวผู้เสียชีวิตมานั่งอ้อนวอนขอให้ตนไปขยับรถ ตอนนั้นตนเองก็กำลังจะเดินไปขยับรถให้อยู่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่สื่อสารให้เห็นทั้งหมด ทำให้ตนเข้าใจว่าเป็นการกราบอ้อนวอนขอ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับลูกสาวผู้อีกฝ่ายเลย
อย่างไรก็ตามตนเข้าใจที่กระแสสังคมมารุมด่าว่า และไม่โกรธผู้คนในโซเชียล เพราะเข้าใจว่าเขาได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว สังคมไม่ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนเองก็คงจะไม่ปะทะกับ จนท.แบบนี้ ยอมรับว่าตนเองก็ขาดสติไป นั่นเพราะตนเหลือแม่เพียงคนเดียว





