- 21 ต.ค. 2568
สาวแชร์ประสบการณ์เฉียดตายกลางดึก แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ย้ำห้องฉุกเฉินไม่มีคิว ไม่ใช่มาก่อนจะได้รักษาก่อน
เป็นประเด็นที่ได้รับความสรใจอย่างมาก จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ณัฎฐา ศรีสังข์” ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์จริง พร้อมติดแฮชแท็ก #เรื่องเล่าที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างความเข้าใจต่อระบบการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินที่หลายคนมักเข้าใจผิด
เรื่องเล่าที่ห้องฉุกเฉิน ห้องฉุกเฉินไม่มีคิว ไม่ใช่ว่าคุณมาก่อนแล้วจะได้รับการรักษาก่อน คนไข้ที่จะได้รับการรักษาก่อน คือคนที่หมอประเมินแล้วว่าวิกฤตกว่าฉุกเฉิน
คืนหนึ่งเมื่อ 4–5 ปีที่แล้ว ประมาณสองทุ่ม ขณะที่ป้านั่งบีบอาลัวอยู่ จู่ ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และมึนหัว ป้าหยุดมือแล้วไปหายาดม ยาอม ยาหม่องต่าง ๆ ลุกขึ้นมาก็มึน ๆ บ้านหมุนเบา นั่งพักสักพักก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง ใจหนึ่งก็คิดว่าจะบีบอาลัวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ แต่ระหว่างนั้นอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะขนมต้องส่งลูกค้า ป้าทนทำจนเสร็จ ประมาณเที่ยงคืนจึงขับรถไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง เพราะใกล้ที่สุด ตอนนั้นเลือกขับรถเองเพราะคิดว่าจะไปถึงเร็วที่สุด ไม่ได้คิดถึงความปลอดภัย
เมื่อถึงโรงพยาบาล แจ้งตรงเคาน์เตอร์ว่ามีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มึนหัว ตั้งแต่สองทุ่ม เจ้าหน้าที่นำรถมาให้ป้านั่งและเข็นไปห้องฉุกเฉิน นี่คือครั้งแรกที่มาห้องฉุกเฉิน พยาบาลและหมอทำงานประสานกันรวดเร็ว หลังซักประวัติ ก็เริ่มวัดความดัน ปรากฏว่าความดันทะลุ 200 ในครั้งแรก จากนั้นวัดไข้พบเกือบ 40 องศา วัดความดันอีกครั้งลดลงเหลือ 190 กว่า หมอถามว่ากินอะไรบ้าง ท้องอืดหรือมีกรดหรือไม่ #อาการเหมือนกรดไหลย้อน แต่หมอขอตรวจก่อน
หมอสั่งวัดคลื่นหัวใจ และเตรียมฉีดยาอะไรบางอย่าง เวลาน่าจะประมาณตีหนึ่งกว่า พยาบาลกำลังติดเครื่องวัดคลื่นหัวใจและเข็ม บอกว่า “คุณหมอสั่งให้ติดไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินหลังจากฉีดยา ไม่ต้องตกใจนะคะ” ป้าพยักหน้า ตอนนั้นก็ยังมึน ๆ
จู่ ๆ มีเสียงคนเข้ามาในห้องฉุกเฉินดังขึ้น
“เค้าล้มครับ ผมไม่ใช่ญาติ เป็นคนข้างบ้าน แม่เค้าขอร้องให้ผมช่วยมาส่ง แม่กำลังตามมาครับ นี่กระเป๋าสตางค์เค้าครับ”
พยาบาลที่กำลังติดเข็มให้ป้าแจ้งว่า “คนไข้รอคุณหมอสักครู่นะคะ” แล้วเลื่อนผ้าม่านปิดเตียงของป้า ปล่อยไว้กับเครื่องมือที่ติดไว้แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ
เสียงหมอและพยาบาลช่วยเหลือคนไข้เคสนั้นดังขึ้น คุณหมอสั่งให้รีบตามญาติ เพราะตอนนี้ คนไข้ไม่มีลมหายใจแล้ว เสียงปั๊มหัวใจดังประมาณ 20 กว่านาที ขณะนั้นป้าก็มีอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาอีก พยาบาลเดินมาบอก “คุณหมอต้องขอโทษคนไข้ที่ให้รอ และขอให้รออีกสักครู่นะคะ” ป้าพยักหน้าเข้าใจ
- ตอนนั้นป้ายังไม่รู้ว่าอะไรคือ เคสแดง เคสดำ แต่คิดว่า ตัวเองแค่หายใจไม่ออก แต่คนไข้เตียงนั้นไม่หายใจแล้ว ขอให้คุณหมอช่วยเค้าให้ได้นะคะ ป้าหลับตาฟังเสียงต่าง ๆ อย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ประมาณตีสองกว่า ญาติซึ่งเป็นแม่ของคนไข้ก็มาถึง เสียงการช่วยเหลือเงียบลง ได้ยินคุณหมอขานเวลาและให้เจ้าหน้าที่จัดเอกสารการเสียชีวิต รวมถึงคำว่า “เตรียมผ้าขาว” ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ
คุณหมอกลับมาที่เตียงป้าพร้อมขอโทษที่ต้องไปดูแลคนไข้ก่อน เริ่มตรวจวัดหัวใจป้า ไม่มีความผิดปกติ ฉีดยาให้ และป้าพักอีกประมาณ 1 ชั่วโมง หายใจดีขึ้น ไข้ลดเล็กน้อย คุณหมอขอให้แอดมิทเพื่อพบหมอเฉพาะทางตอนเช้า แต่ป้าแจ้งว่า งานด่วนมากจริง ๆ ขอไปทำงานก่อนแล้วจะกลับมา คุณหมออนุญาต ตอนบ่ายป้ากลับไปพบหมอเฉพาะทางเกี่ยวกับ #โรคกรดไหลย้อน
ทุกคนที่ป่วยมักคิดว่าตัวเองฉุกเฉิน เข้าใจได้ แต่จะฉุกเฉินหรือไม่ หมอต้องเป็นผู้ประเมิน ขอให้ญาติเข้าใจตรงนี้ด้วย
ขอบคุณ ณัฎฐา ศรีสังข์






