ลุงวัย 61 ปี ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกสแกมเมอร์ หลอกจนหมดตัว

ลุงวัย 61 ปี ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูก สแกมเมอร์ หลอกจนหมดตัว" ลุงเผย สแกมเมอร์ สุดแสบ หลอกเหยื่อจนหมดตัวเหลือแต่บ้าน

ลุงวัย 61 ปีร้องสายไหมต้องรอด หลังถูก สแกมเมอร์ หลอกจนหมดตัว" ลุงเผย สแกมเมอร์ สุดแสบ หลอกเหยื่อจนหมดตัวเหลือแต่บ้าน มันยังติดต่อคนรับจำนองบ้านให้มาดูบ้านลุงและนัดลุงไปที่สำนักงานที่ดิน เพื่อรับจำนองบ้านและเอาเงินลุงไปจนหมดตัว  ลุงตัดสินใจหากถูกยึดบ้านจริงๆจะขอจบชีวิต 

วันพุธที่ 22 ต.ค.68 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด  ถ.วัดเกาะ  เขตสายไหม กทม. คุณลุงวัย 61 ปี ผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือจาก เพจสายไหมต้องรอด

ลุงวัย 61 ปี ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกสแกมเมอร์ หลอกจนหมดตัว

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสุรเดช บุตรน้ำเพชร อายุ 61 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 16 กันยายน 2568 มีเบอร์โทรเข้ามาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากเครือข่าย Ais พร้อมกับสอบถามว่า ตนเองเคยเปิดใช้บริการซิมโทรศัพท์อยู่ที่จังหวัดพิจิตรหรือไม่ ซึ่งตนเองตอบว่าไม่เคย จากนั้นทางเจ้าหน้าแจ้งว่ามีคนแอบอ้างชื่อของคุณลุงเปิดซิมโทรศัพท์และฉ้อโกงคน นำซิมโทรศัพท์ไปใช้ทางผิดกฎหมาย ใช้ในฟอกเงิน และเจ้าหน้าที่รู้ชื่อ - นามสกุลของตนเองอีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้โอนสายไปหา ผจก.สาขา ของเครือข่าย Ais จ.พิจิตร หลังจากที่โอนสายไป ทางผู้จัดการสาขาได้แจ้งกับตนอีกรอบว่า ซิมโทรศัพท์ของคุณลุงทำให้บริษัท AIS คือความเสียหายเนื่องจากเอาชื่อของคุณลุงไปใช้ในการฟอกเงิน ตนเองได้ปฏิเสธเนื่องจากไม่เกี่ยวข้อง ถามผู้จัดการสาขาจึงแนะนำให้แจ้งความ และต่อสายไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร

ลุงวัย 61 ปี ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกสแกมเมอร์ หลอกจนหมดตัว

หลังจากที่โอนสายไปแล้วตนเองได้พูดคุยกับร้อยเวร ตนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ร้อยเวรฟัง ทางร้อยเวรจึงรับแจ้งความ และได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ตอนนี้จับคนร้ายได้แล้ว คนร้ายนซิมของคุณลุงไปเปิดบัญชีไปฉ้อโกงผู้อื่นหลายล้านบาท แต่คนร้ายซัดทอด มาถึงตนเองว่าคนร้ายโอนเงินมาให้ตนเองจำนวน 1.6 ล้านบาท ซึ่งตนปฎิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าจากหลักฐานทั้งหมดสามารถจับกุมตนเองได้ในทันที บอกว่าเชื่อที่ตนเองพูดแต่ต้องนำเงินมาตรวจสอบเพื่อเป็นหลักประกัน ว่าคุณลุงจะไม่หลบหนี แต่ตนเองไม่มีเงินสด มีแต่เบี้ยคนชรา ถามเจ้าหน้าที่สอบถามว่าตนเองมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ตนจึงบอกไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่ามีบ้านที่อาศัยอยู่ และรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆอยู่ 1 คัน 

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้แอดไลน์ คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้รายงานตัววันละ 4 เวลา ให้ถ่ายรูปรายงานตัวว่าจะไม่หนี และให้หาวิธีนำเงินมาเป็นหลักประกันเงินจำนวน 800,000 บาท หรือ ครึ่งหนึ่งของยอดที่ถูกซัดทอด 1.6 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงวิธีเดียวที่ตนเองสามารถทำได้คือนำบ้านไปจำนอง


จนถึงวันที่ 19 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำเจ้าหน้าที่รับจำนองบ้านให้มาหาตนเองที่บ้าน และพาตนเองนำโฉนดที่ดินบ้านไปจำนองกับธนาคารได้เงินมาจำนวน 800,000 กว่าบาท หลังจากนั้นตนเองจึงโอนเงินให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 450,000 บาท โดยโอนเงินไปที่บัญชีของ นายชุมพล ณรงค์ฤทธิ์ หลังจากโอนไปเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่พอต้องโอนมาอีก

วันที่ 23 กันยายน 2558 ตนเองโอนเงินไปเอง 200,000 บาท วันที่ 24 อีก 200,000 บาท แต่วันสุดท้ายวันที่ 25 จำนวน 5,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บล๊อกไลน์ ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย


ซึ่งปัจจุบันตนเองได้รับความเสียหาย โดยทางบริษัทรับจำนองที่ดิน มีการยื่นโนติสมาที่ตนเองเนื่องจากตนเองนำบ้านไปจำนอง และทางเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ยึด ให้ตนเองย้ายออกภายใน 3 เดือน 

ทำให้ตนเองเครียดถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ไม่ให้มา และตนเองไม่ได้มีเงินมากพอที่จะมีเงินค่าเช่าบ้านเนื่องจากปัจจุบันยังต้องใช้เงินเดือนวัยเกษียณ เพียง 10,000 บาท และใช้เบี้ยคนชรา ประทังชีวิต
สุดท้ายตนเองอยาก ฝาก สส.ไอซ์ และสส.วันอยู่บำรุง ขอให้ช่วยเหลือตนเอง เนื่องจากตัวเองเป็นทุกข์

///ปล่อยเสียง
CG : 


ทางด้านของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า  คุณลุงถูกสแกมเมอร์หลอก ถือว่าเป็นเล่มที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก  เนื่องจากคุณลุงไม่มีครอบครัว อยู่ตัวคนเดียว และไม่มีเงินติดตัว มีเพียงเบี้ยเลี้ยงคนชรา และเงินจากที่ทำงานอยู่จำนวน 10,000 บาท ในการดำรงชีวิตประจำวัน คุณลุงเหลือเพียงบ้านที่เป็นมรดกของพ่อแม่ที่อาศัยอยู่เพียง 1 หลัง และยังมาถูกมิจฉาชีพล่อหลวงให้คุณลุงละหมาดไปจำนอง โดยส่งคนที่เป็นนายหน้ารับจำนองบ้านเข้ามาหาลุง แล้วนำบ้านไปขายฝากจนได้เงินมา 1 ก้อนและโอนให้กับมิจฉาชีพทั้งหมด

คุณลุงมีโอกาศอยู่บ้านหลังนี้ได้ถึงสิ้นปีเท่านั้น เนื่องจากคุณลุงไปทำสัญญาขายฝากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากสิ้นปีนี้ ลุงไม่มีเงินไปนำบ้านหลังนี้กลับคืนมา คุณลุงต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นกว่าบาท  

ตนเองขอตั้งคำถามกับทางนายหน้าที่รับจำนองบ้าน  สาเหตุทีมีการแนะนำ ให้คุณลุงบอกกับ เจ้าหน้าที่ ที่รับขายฝากบ้านว่าหากเจ้าหน้าที่ถาม ให้ลุงบอกว่านำเงินไปให้กับหลาน จึงจำเป็นต้องเรียกทางนายหน้ามาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสตรีมเมอร์หรือไม่ 


เนื่องจากติดดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติที่ทางรัฐบาลให้ความเข้มข้นและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด ตนเองอยากฝากถึง คุณ สส.ไอซ์ รัชนก ศรีนอกและ คุณ สส. วัน อยู่บำรุง ที่เป็นนักการเมืองในพื้นที่ รวมถึงรัฐบาลให้ช่วย ปราบ สแกมเมอร์ให้หมดไปจากสังคมไทยเสียที