เปิดบ้านว่าง กรุงเทพฯ – ปริมณฑลปี 2568 โซนไหนเติบโตได้ดี

เปิดบ้านว่าง กรุงเทพฯ – ปริมณฑลปี 2568 โซนไหนเติบโตได้ดี พร้อมทำเลอันตราย ชี้คอนโดราคาถูกล้นตลาด ธนบุรีนำโด่งว่างสูงสุด

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (AREA) เผยผลสำรวจล่าสุดปี 2568 พบสถานการณ์ “บ้านว่าง” ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังน่าจับตา มีจำนวนรวมกว่า 6.39 ล้านหน่วย โดยพบว่ามีบ้านว่างมากถึง 734,893 หน่วย หรือคิดเป็น 11.5% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด สะท้อนภาพตลาดอสังหาฯ ที่ยังมีอุปทานล้น โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดราคาถูกที่ถูกซื้อมาปล่อยว่างเพื่อเก็งกำไร

จากการสำรวจของ AREA ระบุว่า ที่อยู่อาศัยทั้งหมดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีจำนวน 6,390,376 หน่วย ในจำนวนนี้มี “บ้านว่าง” ถึง 734,893 หน่วย หรือราว 11.5% ของตลาดรวม โดยบ้านว่างส่วนใหญ่ถึง 58% เป็น “ห้องชุดพักอาศัย” ซึ่งสะท้อนว่าตลาดคอนโดยังคงเผชิญภาวะซัพพลายล้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อแยกประเภทบ้านว่าง พบว่า

  • ห้องชุดพักอาศัย : 58%
  • ทาวน์เฮาส์ : 24%
  • บ้านเดี่ยว : 11%
  • อาคารพาณิชย์ : 4%
  • บ้านแฝด : 3%

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ห้องชุดเปิดใหม่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโครงการทั้งหมด ทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นตลาดที่มี “บ้านว่าง” มากที่สุด

ด้านระดับราคา พบว่า “ที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท” มีอัตราว่างสูงกว่ากลุ่มราคาสูง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 500,000 บาท ที่มีอัตราว่างสูงถึง 21.1% สาเหตุหลักมาจากสภาพทรัพย์ที่ทรุดโทรม และการเก็บค่าส่วนกลางไม่เต็มจำนวน อีกทั้งกลุ่มนี้มักถูกซื้อเพื่อเก็งกำไร จึงไม่ได้อยู่อาศัยจริง

สำหรับพื้นที่ที่ต้องระวัง พบว่าห้องชุดในบางเขตมีอัตราว่างสูงเป็นพิเศษ ได้แก่

  • ธนบุรี 28.6%
  • นนทบุรี 27.8%
  • คลองเตย 27.5%
  • บางกะปิ 27.3%
  • พื้นที่นอกเขต 26.8%
  • บางใหญ่ 26.8%

โดยเฉพาะ “ธนบุรี” มีห้องชุดว่างมากที่สุด คิดเป็น 1 หน่วยในทุก 3.5 หน่วย หรือว่างราว 28.6% ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคากับผู้ประกอบการรายใหม่

ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่ถือว่าปลอดภัยในตลาดแนวราบ (บ้านเดี่ยว–ทาวน์เฮาส์) ยังมีศักยภาพเติบโตได้ดี ได้แก่

  • สมุทรปราการ : 6%
  • บางนา : 6.8%
  • บางพลี : 7%
  • มีนบุรี : 7.2%
  • บางกะปิ : 7.4%
  • นวลจันทร์ : 7.6%
  • ราษฎร์บูรณะ : 7.7%
  • คลองเตย : 7.9%
  • ลาดกระบัง : 7.9%
  • ธนบุรี : 7.9%

โดยพื้นที่ที่ “ปลอดภัยที่สุด” คือ สมุทรปราการ ซึ่งมีบ้านแนวราบว่างเพียง 6% หรือ 1 หน่วยต่อ 16.6 หน่วย รองลงมาคือ บางนา บางพลี และมีนบุรี ที่ยังถือเป็นพื้นที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในอนาคต

 

ขอบคุณข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ