แม่บ้านควรรู้ อาหารที่ไม่ควรแช่ตู้เย็นนานเกิน 7 วัน มีอะไรบ้าง

ห้ามแช่นานเกิน 7 วัน คุณแม่บ้านเคยสงสัยไหมว่า อาหารบางอย่างที่ดูเหมือนจะยังดีอยู่ แต่ทำไมรสชาติถึงเปลี่ยนหรือรู้สึกไม่สบายท้องหลังทาน? แม้ตู้เย็นจะช่วยยืดอายุ แต่ก็มีอาหารหลายประเภทที่มีความไวต่อการปนเปื้อนของแบคทีเรียหรือเกิดการสะสมของสารที่ไม่พึงประสงค์ได้ง่ายเมื่อเก็บเกิน 7 วัน ในช่องธรรมดา

ถึงเวลาทำความเข้าใจและ จัดระเบียบตู้เย็นครั้งใหญ่ มาดูกันว่าอาหาร 5 ชนิดที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "ห้ามแช่นานเกิน 7 วัน" คืออะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคนในครอบครัว

 

แม่บ้านควรรู้ อาหารที่ไม่ควรแช่ตู้เย็นนานเกิน 7 วัน มีอะไรบ้าง

 

5 อาหารที่ความเย็นก็เอาไม่อยู่

อาหารเหล่านี้ไม่ควรเก็บไว้ในช่องแช่เย็นธรรมดานานเกิน 7 วัน เนื่องจากความเสี่ยงต่อการเติบโตของเชื้อโรคและการเสื่อมของคุณภาพ

 

1. อาหารปรุงสุกประเภทแกงกะทิหรือมีส่วนผสมของนม 

เหตุผล: อาหารที่มีไขมันสูงอย่างกะทิหรือนมมักบูดเสียง่ายกว่าอาหารทั่วไป แม้จะแช่เย็นแล้วก็ตาม (แนะนำไม่เกิน 3-4 วัน)

ความเสี่ยง: รสชาติเปรี้ยว/เหม็นหืน และเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสีย

 

2. ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง (เช่น เต้าหู้) 

เหตุผล: เต้าหู้มีโปรตีนและความชื้นสูงมาก ทำให้เป็นสภาพแวดล้อมที่แบคทีเรีย (E. coli หรือ Staphylococcus aureus) ชอบเจริญเติบโต แม้ไม่มีกลิ่น

ความเสี่ยง: หากเก็บนานเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเพิ่มปริมาณสาร ไนไตรท์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็งหากสะสมในร่างกาย

 

3. ผักกินใบที่หั่น/ล้างแล้ว 

เหตุผล: ผักใบเขียว เช่น ผักกาด คะน้า ผักชี ควรเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม (แนะนำไม่เกิน 5 วัน) ความชื้นจากการล้างและการหั่นทำให้ผักเน่าเสียและเกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคได้เร็ว

ความเสี่ยง: ผักเน่าเสียเร็ว สูญเสียวิตามิน และอาจมีเชื้อจุลินทรีย์สะสม

 

4. เนื้อสัตว์บด หรือ เนื้อสัตว์ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 

เหตุผล: เนื้อสัตว์ดิบที่ไม่ได้แช่แข็ง มีอายุสั้นมาก (เก็บในช่องธรรมดาได้เพียง 1-2 วัน) เนื้อบดจะยิ่งเสี่ยงเพราะมีพื้นที่ผิวสัมผัสกับแบคทีเรียมาก

ความเสี่ยง: อาหารเป็นพิษ และการปนเปื้อนเชื้อโรค

 

5. ไข่ (ที่เก็บในช่องประตูตู้เย็น) 

เหตุผล: แม้ไข่จะเก็บได้นานถึง 3-5 สัปดาห์ แต่ ช่องประตูตู้เย็น มีอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดเมื่อมีการเปิด-ปิด ทำให้ไข่อาจเสียก่อนกำหนด

คำแนะนำ: ควรเก็บไข่ในกล่องเดิม และวางใน ชั้นวางที่อุณหภูมิคงที่ จะดีที่สุด

 
แม่บ้านควรหมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ หากคุณวางแผนจะเก็บอาหารสดหรืออาหารปรุงสุกไว้นานกว่า 3-5 วัน ควรใช้วิธี "แช่แข็ง (Freezing)" โดยการแบ่งเป็นสัดส่วนในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อยืดอายุอาหารและคงคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างปลอดภัย อย่าเสียดายอาหารที่หมดอายุ แต่จงระวังภัยจากแบคทีเรียที่มองไม่เห็น