- 05 พ.ย. 2568
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดรายชื่อ 52 จังหวัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ช่วง 7 - 10 พ.ย. 2568
52 จังหวัด ระวังน้ำท่วม โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 52 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 เสี่ยงน้ำล้น ส่งผลกระทบบริเวณท้ายน้ำ ในช่วงวันที่ 7 - 10 พ.ย. 2568
โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง วางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 29/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่าจากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 7 - 10 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น
- พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย) จังหวัดลำปาง (อำเภอสบปราบ) จังหวัดตาก (อำเภอแม่สอด) จังหวัดสุโขทัย (อำเภอสวรรคโลก) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอลานกระบือ และอำเภอไทรงาม) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอบางระกำ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง) จังหวัดพิจิตร (อำเภอวชิรบารมี และอำเภอวังทรายพูน) และจังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอน้ำหนาว)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย (อำเภอนาด้วง และอำเภอปากชม) จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงภาฬ และอำเภอเซกา) จังหวัดหนองบัวลำภู (อำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอำเภอนากลาง) จังหวัดสกลนคร (อำเภอกุสุมาลย์) จังหวัดนครพนม (อำเภอเมืองนครพนม อำเภอท่าอุเทน อำเภอปลาปาก อำเภอบ้านแพง อำเภอศรีสงคราม และอำเภอโพนสวรรค์) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอหนองบัวแดง) จังหวัดขอนแก่น (อำเภอชุมแพ) และจังหวัดบุรีริมย์ (อำเภอนางรอง)
ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอบ่อพลอย และอำเภอศรีสวัสดิ์) จังหวัดราชบุรี (อำเภอบ้านโป่ง) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอบ้านสร้าง) จังหวัดตราด (อำเภอบ่อไร่) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล้อง) และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอหัวหิน)
ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อำเภอปะทิว และอำเภอละแม) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกระบุรี และอำเภอกะเปอร์) และจังหวัดนราธิวาส (อำเภอสุไหงปาดี)
- พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก
บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ จังหวัดพะเยา จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 52 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด
พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด






