- 07 พ.ย. 2568
ของถูกจากต่างประเทศอาจหายไปตลอดกาล! ปี 69 เป็นต้นไป กรมศุลกากรเตรียมเก็บภาษี “ตั้งแต่บาทแรก” นักช้อปออนไลน์ต้องตั้งงบใหม่!
“บาทเดียวก็ไม่รอด” ปี 2569 จะเป็นจุดเปลี่ยนของการช้อปปิ้งออนไลน์จากต่างประเทศ
กรมศุลกากรเตรียมประกาศใช้มาตรการใหม่ที่ “เก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตั้งแต่บาทแรก” กับทุกคำสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ หลังจากที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้เกณฑ์ “ยกเว้นภาษี” สำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ซึ่งทำให้สินค้าราคาย่อมเยาจากจีนหรือประเทศอื่นทะลักเข้ามาในตลาดในราคาถูกกว่าสินค้าไทย
ทำไมถึงต้องเปลี่ยนเกณฑ์?
ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME ได้รับผลกระทบหนัก เพราะสินค้าต่างประเทศไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ของในประเทศยังมีต้นทุน VAT และค่าขนส่งที่สูงกว่า นโยบายใหม่นี้จึงถูกวางให้เป็น “สมดุลใหม่” ของการแข่งขันระหว่างสินค้านำเข้าและสินค้าในประเทศ
เจ้าหน้าที่ระดับนโยบายให้เหตุผลว่า “ถ้าคุณขายของในไทยต้องเสียภาษี แล้วทำไมสินค้าจากต่างประเทศถึงได้สิทธิ์ยกเว้น? นั่นไม่แฟร์กับคนไทยเลย”
ใครจะต้องจ่าย?
ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
สินค้าทุกชิ้นที่นำเข้าผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ จะถูกคิดภาษีตามพิกัดศุลกากร (อัตราแตกต่างกันตามประเภทสินค้า เช่น เสื้อผ้า 10% อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 5% ฯลฯ)
จากนั้นจะบวก VAT 7 % ของมูลค่ารวม (สินค้าบวกภาษี)
สินค้ามูลค่าหลักสิบบาทก็หนีไม่พ้น
ตัวอย่างง่ายๆ
ซื้อเคสมือถือราคา 100 บาทจากจีน → อัตราภาษี 10% = 10 บาท + VAT 7% = 7.7 บาท รวมแล้วคุณต้องจ่ายเพิ่ม 17.7 บาท หรือเกือบ 18 % ของราคาสินค้า
แล้วการส่งของจะช้าขึ้นไหม?
กรมศุลกากรกำลังเจรจากับแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่ เช่น Shopee, Lazada, Temu และ AliExpress ให้ส่งข้อมูลสินค้าแบบอัตโนมัติ (เช่น ชื่อสินค้า น้ำหนัก มูลค่า ผู้ขาย) เข้าสู่ระบบศุลกากร เพื่อให้สามารถตรวจปล่อยได้เร็วขึ้น
แต่หากแพลตฟอร์มไม่ให้ความร่วมมือ การตรวจสอบอาจต้องทำแบบแมนนวล — และของคุณอาจจะ “ไปนอนค้างอยู่ที่ศุลกากร” นานกว่าปกติ
ผลดี ผลเสีย ที่ต้องรู้
ผู้บริโภค: ของจากต่างประเทศจะแพงขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะสินค้าราคาถูก (< 500 บาท) ที่เคยไม่เสียภาษี อาจไม่คุ้มค่าส่งอีกต่อไป
ผู้ประกอบการไทย: ได้โอกาสหายใจ เพราะสินค้าจากต่างประเทศจะไม่มีข้อได้เปรียบด้านราคาอีก
รัฐ: เพิ่มรายได้ราว 3,000 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดช่องว่างของการเลี่ยงภาษีจาก e-Commerce ข้ามพรมแดน
เสียงจากโลกออนไลน์
หลังข่าวนี้เผยแพร่ในโซเชียล หลายคนบอกว่า “เข้าใจเหตุผล แต่กระเป๋าสตางค์ยังไม่พร้อม” ขณะที่อีกฝั่งมองว่า “ถึงเวลาช่วยธุรกิจไทยแล้ว” เพราะตลาด e-Commerce ไทยในปี 68 มีมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท แต่กว่า 30 % เป็นยอดจากสินค้านำเข้าราคาถูก
มองไปข้างหน้า
มาตรการนี้สะท้อนทิศทางใหม่ของนโยบายภาษีไทย ที่ต้องการปิด “ช่องว่างดิจิทัล” ระหว่างสินค้านำเข้ากับผู้ประกอบการในประเทศ และทำให้ระบบภาษีทันสมัยขึ้น รองรับการค้าข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัลเต็มตัว
กล่าวได้ว่า ปี 2569 จะเป็น “ปีที่ช้อปต่างประเทศต้องคิดให้รอบคอบขึ้น” — เพราะบาทเดียวก็อาจมีภาษีแฝงอยู่แล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิงประกอบ
สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร (เผยแพร่ในโครงการ Customs Quick Big Win, พ.ย. 2568)
ข้อมูลวิเคราะห์ตลาด e-Commerce ไทยจาก ETDA และ ธนาคารแห่งประเทศไทย
สรุปนโยบายภาษีนำเข้าฉบับปรับปรุงจากประกาศร่างกรมศุลกากร 2568






