- 10 พ.ย. 2568
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 เพิ่มรายละเอียด สลาก กอช. ซื้อหวยเกษียณ ออมเงิน ได้คืนเมื่ออายุครบ 60 ปี มีผลบังคับใช้ใน 60 วันนับแต่วันประกาศ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันประกาศ โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวได้เพิ่มเติมรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ “สลาก กอช.” หรือ สลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ ของกองทุนการออมแห่งชาติ
พระราชบัญญัติฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกกองทุน เป็นหลักประกันในการจ่ายบำนาญ และให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสุดสมาชิกภาพ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถออมเงินเพื่อเตรียมความมั่นคงในการดำรงชีพในวัยชราภาพได้อย่างต่อเนื่อง
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ การเพิ่มอำนาจให้ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สามารถออกและจำหน่าย “สลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ” หรือ “สลาก กอช.” เพื่อเป็นช่องทางการออมรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด “ลุ้นโชค เงินไม่หาย กลายเป็นเงินออม”
โดย กำหนดให้กองทุนมีอำนาจเพิ่มเติมในการ ออกและจำหน่ายสลากออมทรัพย์เพื่อการดำรงชีพในยามชราภาพ จัดระบบบัญชีและการเงินเพื่อบริหารเงินที่ได้จากการขายสลาก แจ้งยอดเงินออมและผลตอบแทนให้ผู้ออมทราบ และกำหนดรูปแบบการขาย การชำระเงิน และการจ่ายเงินรางวัลโดยคณะกรรมการกองทุน
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มนิยามใหม่ ได้แก่ “สลาก กอช.” “ผู้ออมทรัพย์” และ “เงินออมทรัพย์” เพื่อรองรับกลไกการดำเนินงานของระบบออมรูปแบบใหม่ดังกล่าว
“สลาก กอช.” จะเป็น สลากขูดแบบดิจิทัล จำหน่ายให้แก่คนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน “กอช.” โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลักและเลขหลังบัตรประชาชนในการยืนยันตัวตน
- ราคาสลากใบละ 50 บาท
- จำกัดการซื้อไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน
- จำหน่ายรวม 5 ล้านฉบับต่อหนึ่งงวด
- ออกรางวัล ทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น.
โครงสร้างรางวัล
- รางวัลที่ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล
- รางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล
- หากงวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล เงินรางวัลดังกล่าวจะถูกรวมเป็น “รางวัลพิเศษ” ในงวดถัดไป
ผู้ถูกรางวัลจะได้รับเงินผ่านบัญชี พร้อมเพย์โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถูกรางวัล เงินต้นทั้งหมดจะถูกสะสมเป็น “เงินออมทรัพย์” ในบัญชีของสมาชิก ซึ่งสามารถขอรับคืนได้ใน 4 กรณี ได้แก่
ผู้มีอายุเกิน 60 ปี จะได้รับคืนเมื่อครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อครั้งแรก และสามารถออมได้เป็นคราวคราว
กรณีเสียชีวิต เงินออมและผลตอบแทนจะตกเป็นของทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้
โดยผู้ที่ออมเงินต่อเนื่องเดือนละ 3,000 บาท ตั้งแต่อายุ 30 ปี จะมีเงินออมสะสมรวมถึงหลักล้านบาทเมื่อถึงวัยเกษียณ






