อ. สกล เผยเหตุผลตัดสินใจเลือก รร.หมอนทอง ย้อนเล่าจุดเปลี่ยนสำคัญ

11พ.ย.68 ทีมฟุตบอลโรงเรียนหมอนทองวิทยา พร้อม อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ  เดินทางมารับมอบทุนสนับสนุน จาก มูลนิธิเนชั่น และ เนชั่น กรุ๊ป  เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ จุดพลังฝันเยาวชน หลังจาก โรงเรียนหมอนทองวิทยา คว้ารองแชมป์ในการแข่งขันชิงแชมป์ ฟุตบอลนักเรียน 7 คน แชมป์กีฬา 7HD  แชมเปียน คัพ 2025   พ่ายให้กับทีม อบจ.ชัยนาท ในรอบชิงชนะเลิศ ไป  1-2 
 

โดย อ. สกล เปิดใจ กับทีมข่าวไทยนิวส์ ถึงเส้นทางชีวิตและการทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นพิสูจน์ปรัชญา "เด็กสร้างโค้ช หรือ โค้ชสร้างเด็ก" ที่โรงเรียนขนาดเล็กอย่างหมอนทองวิทยา โดยถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญหลังเกษียณอายุราชการ ซึ่ง อ.สกล ได้ปฏิเสธข้อเสนอจากทีมใหญ่ๆ และเลือกมาเป็นจิตอาสา หาความท้าทาย

ซึ่งหลังจากเกษียณจากโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี อาจารย์ได้รับโอกาสจากหลายทีม แต่เลือกทำภารกิจ "จิตอาสา" โดยการไปสอนที่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 46 จังหวัดชัยนาท เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่มีค่าตัว ซึ่งเด็กที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่กลุ่มนักกีฬา แต่เป็นเด็กที่มีปัญหาทางสังคม อาจารย์เลือกที่จะดึงเด็กกลุ่มนี้มาเล่นกีฬาเพื่อดูผลลัพธ์ ซึ่งปรากฏว่าทีมสามารถคว้าแชมป์ในชัยนาทได้หลายรายการ

หลังครบ 1 ปี อาจารย์ตัดสินใจเลือกโรงเรียนหมอนทอง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ไม่มีทรัพยากรเลย  โดยเราเห็นโรงเรียนใหญ่ๆมาเยอะแล้ว เพื่อพิสูจน์ให้คนเขารู้ว่า "เด็กสร้างโค้ช หรือ โค้ชสร้างเด็ก" ซึ่งระดับโรงเรียนใหญ่ๆ "เสาไฟฟ้าต้นก็เป็นโค้ชได้" อยู่กับทรัพยากรระดับทีมชาติใครก็เป็นโค้ชได้ เมื่อมาทำงานที่หมอนทอง ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิม อาจารย์ต้องปรับตัวและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสงบ เช่น การงดรับประทานหมู และไม่เปิดเพลงที่มีเสียงดังตามข้อกำหนดของชุมชน

 

แม้ในช่วงแรกจะมีความกังวลว่าจะอยู่ได้นานหรือไม่?? แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชุมชนเริ่มให้ความสำคัญ โดยเริ่มมานั่งดูการซ้อมบอลตอนเย็น และนำอาหาร เช่น แกงส้ม มาแบ่งปันให้อาจารย์ ทำให้รู้สึกว่าชุมชนเริ่มรัก

เมื่อเด็กฝึกกับอาจารย์จนเก่งแล้ว มักจะย้ายไปอยู่โรงเรียนใหญ่ๆ อาจารย์ไม่ได้ถือเป็นอุปสรรคหรือข้อแม้ โดยเปรียบเทียบตัวเองเป็น "คนขับรถโดยสาร" ที่ผู้โดยสาร (นักกีฬา) จะลงป้าย (ย้ายโรงเรียน) ก็ต้องอนุญาตให้ลง

•  ความสำเร็จของลูกศิษย์ สู่สโมสรการท่าเรือ ยักษ์ใหญ่ไทยลีก

 อ.สกล เผยว่า ขณะนี้มีข่าวดีว่านักกีฬาจากหมอนทอง 2 คน คือ เจษฎา ลังกา และ เต วรากร ช่างเขียนดี ได้เซ็นสัญญากับ การท่าเรือ เรียบร้อยแล้ว

มาดามแป้ง ได้ให้การสนับสนุนด้านทุนการศึกษาสำหรับเด็กหลายคน  โดยให้นักเรียนเรียนต่อที่หมอนทองตามปกติ และไม่ต้องย้ายไปซ้อมที่ท่าเรือทันที แต่จะให้อยู่กับอาจารย์จนกว่าจะเรียนจบ ค่อยส่งตัวไป อาจารย์รับปากว่าจะดูแลนักกีฬาเหล่านี้จนถึงที่สุด เพื่อให้พวกเขาก้าวเข้าสู่กระบวนการของสโมสรหรือทีมชาติต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ อ.สกล เน้นย้ำว่าฟุตบอลผู้ใหญ่กับฟุตบอลเด็กนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฟุตบอลอาชีพของไทยหลายครั้งยังขาดความเป็นมืออาชีพจริงจัง (ไม่เหมือนในอังกฤษหรือสเปน) เนื่องจากนักกีฬาไทยมักจะติดอบายมุข สำหรับบอลเด็กนั้น เงินไม่ใช่สิ่งจูงใจ แต่ วินัย คือสิ่งที่ควบคุมพวกเขา อาจารย์จะกำหนดกฎระเบียบอย่างชัดเจน เช่น ห้ามนอนดึก ห้ามใช้โซเชียลมากเกินไป และมีการควบคุมอาหารและเวลาตื่นนอนอย่างเคร่งครัด

 

ที่สำคัญอาจารย์กังวลว่าเด็กจะหลง ในชื่อเสียง เกียรติยศ และกลายเป็น "เทวดาชั่วข้ามคืน" จึงต้องเรียกมานั่งคุยกันอย่างใกล้ชิด สอนให้เด็กไม่ลืมอดีต และไม่จำเป็นต้องซื้อรองเท้าคู่ใหม่ราคาแพงเมื่อได้สปอนเซอร์มา เพราะต้องไม่ลืมรองเท้าคู่เก่าที่พาพวกเขามาถึงจุดนี้

 

อาจารย์ สกล ตั้งเป้าหมายว่า เด็กกลุ่มนี้จะเป็นพลังและกำลังของชาติในอนาคต และต้องการเห็นฟุตบอลไทยเดินหน้าสู่ฟุตบอลโลก โดยไม่ต้องรอถึง 10 หรือ 20 ปี โดยใช้ตัวอย่างของญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จจากการมีจิตวิญญาณนักสู้

ด้าน บทบาทที่ปรึกษามาดามแป้ง นั้น  ตัวของอาจารย์สกล ยังคงเป็น ที่ปรึกษาให้กับมาดามแป้ง อาจารย์เห็นว่ามาดามแป้งเป็นผู้หญิงที่เก่ง และเป็นมือหนึ่งด้านการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม อาจารย์มองว่าการเลือกโค้ชฟุตบอลไทยนั้นจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งตนเองอยู่ในแวดวงฟุตบอลมา 40 ปี และสามารถเลือกคนไทยที่มีคุณสมบัติที่ดี (เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่ทำเรื่องไม่ดี)