ครูขอโทษ บอกไม่ได้ด้อยค่าเหรียญ 50 สตางค์ แค่อยากรู้ว่าเป็นใคร

จากกรณีประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ หลังเกิดเหตุครูตำหนินักเรียนชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ที่นำเหรียญ 50 สตางค์ 2 เหรียญ มาจ่ายค่าทำโบว์ถวายอาลัย รวมเป็นเงิน 1 บาท จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

 

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อครูผู้รับผิดชอบกิจกรรมเดินเข้ามาถามกลางห้องเรียนว่า
“ใครเป็นคนจ่ายเหรียญ 50 สตางค์ 2 เหรียญ?”
ก่อนกล่าวต่อว่า
“เหมือนเธอประชดครู”

นักเรียนชายคนดังกล่าวเล่าว่า วันนั้นโรงเรียนมีการขอให้นักเรียนช่วยกันออกเงินคนละ 1 บาท เพื่อทำโบว์ถวายอาลัย ตนมีเพียงธนบัตรใบละ 100 บาท จึงเลือกใช้เหรียญ 50 สตางค์ 2 เหรียญที่มีอยู่พอดี เพื่อไม่ให้ครูต้องลำบากทอนเงิน โดยครูประจำชั้นคนแรกก็รับไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ว่าอะไร

อย่างไรก็ตาม ต่อมาครูผู้รับผิดชอบกิจกรรมได้ถามย้ำในห้องว่า “ใครเอาเหรียญ 50 สตางค์มาจ่าย” เมื่อนักเรียนยกมือ ครูกลับพูดว่า
“ครูไม่รู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง มันเหมาะสมไหม เธอควรไปใช้ที่ห้าง ไม่ควรมาใช้ที่โรงเรียน”
พร้อมหันไปพูดกับครูอีกคนว่า “เหมือนเขาประชดพี่”

ทำให้นักเรียนรู้สึกสับสนและอายต่อหน้าเพื่อน ๆ ทั้งที่เหรียญ 50 สตางค์เป็นเงินที่สามารถใช้ชำระได้ตามกฎหมาย ด้านแม่ของนักเรียนชาย เปิดเผยว่า ลูกชายกลับมาบ้านพร้อมถามว่า
“แม่ เหรียญ 50 สตางค์มันใช้ได้ไหม?”
เธอจึงตอบว่า “ใช้ได้สิ แม่ก็ยังได้ทอนจากร้านสะดวกซื้อ”
 

ผู้ปกครองยังระบุเพิ่มเติมว่า ครูพูดจาในลักษณะที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าเพื่อนทั้งห้อง เช่น “เหมือนเธอประชดครู” หรือ “มันไม่เหมาะสม” จนลูกชายรู้สึกอับอายและคิดว่าตัวเองทำผิด ทั้งที่เพียงแค่ใช้เหรียญจ่ายเงินตามปกติ

เธอจึงมองว่าพฤติกรรมของครูเป็น การสื่อสารที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก และหวังว่าโรงเรียนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเดียวกันขึ้นอีก

ต่อมา นายศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม ตัวแทนโรงเรียน และผู้ปกครอง ได้ร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติและแนวทางแก้ไข

 

ล่าสุด ครูผู้เกี่ยวข้องได้ออกมาขอโทษนักเรียนและผู้ปกครอง ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาด้อยค่าเหรียญ 50 สตางค์ แต่เป็นการสอบถามด้วยความเข้าใจผิด และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดในการสื่อสาร

 

การพูดคุยจบลงด้วยความเข้าใจ โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่าจะสร้าง บรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัยในโรงเรียน พร้อมเน้นการพัฒนาทักษะการสื่อสารและวุฒิภาวะทางอารมณ์ของครู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก