พยากรณ์อากาศ 14-20 พ.ย. ยังอ่วม เช็กภาคไหนเจอฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า 14-20 พ.ย. 2568 ยังอ่วม เช็กภาคไหนเจอฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง

พยากรณ์อากาศวันนี้ วันที่ 14 พ.ย. 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ช่วงวันที่ 14 – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 โดยระบุว่า ในช่วงวันที่ 14 – 15 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง 

 

พยากรณ์อากาศ 14-20 พ.ย. ยังอ่วม เช็กภาคไหนเจอฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก

 

 

 

ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนและห่างฝั่งบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดกับมีลมกระโชกแรงขึ้นในระยะแรก และหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงอีก โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้ากับมีลมแรง ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลงอีก 4 - 7 องศาเซลเซียสและภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส 


ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นอีก โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร 

ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและหนาวเย็นลง กับมีลมแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ในช่วงวันที่ 16 – 18 พ.ย. ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ส่วนในช่วงวันที่ 17 – 20 พ.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและมีลมแรง สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง 


สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทย และห่างฝั่งทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ในช่วงวันที่ 18 – 20 พ.ย.


คาดหมายอากาศรายภาค วันที่ 14 – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568


ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 14 - 16 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 30 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 33 องศาเซลเซียส  บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 15 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17 - 20 พ.ย. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 17 – 18 พ.ย. อุณหภูมิต่ำสุด 15 – 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 6 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 25 กม./ชม.


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 14 - 15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 - 32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 - 16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 20 พ.ย. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 4 – 7 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 16 – 17 พ.ย. อุณหภูมิต่ำสุด 14 – 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25 - 30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 6 - 12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 40 กม./ชม.


ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 14 – 15 เมฆบางส่วน และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 - 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 20 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 – 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 17 - 18 พ.ย. อุณหภูมิต่ำสุด 18 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 - 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.


ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 14 - 15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 19 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 17 - 18 พ.ย. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 32 องศาเซลเซียส


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 14 – 15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมแปรปรวน  ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมแปรปรวน ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 20 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในช่วงวันที่ 17 – 19 พ.ย. โดยในช่วงวันที่ 16 - 17 พ.ย. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป ลมแปรปรวน ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยในช่วงวันที่ 18 - 20 พ.ย. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 34 องศาเซลเซียส


ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 14 – 17 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดตรังลงไป ลมแปรปรวน ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 20 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 – 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 33 องศาเซลเซียส


กรุงเทพและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 14 – 15 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 - 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 - 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 20 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงในช่วงวันที่ 17 - 18 พ.ย. อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 - 30 กม./ชม.