- 17 พ.ย. 2568
ดร.ปลอดประสพเดือด ซัดนายกฯอนุทินพูดไม่คงเส้น โวยหยุดเกรงใจเขมร–สหรัฐฯ ชี้ยิงมายิงกลับ ยึดดินแดนคืนได้ก็ยึด
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี โพสต์เดือดถึงนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และ ประธานาธิบดี Trump แนะ 5 ข้อ หมดเวลาเกรงใจ ต้องเกลือจิ้มเกลือ ยิงมายิงกลับ ดินแดนของเราก็ถือโอกาสยึดกลับคืนมาให้หมด
นายกฯ ต้องพูดให้คนเชื่อถือ ทุกคนรักชาติและก็ไม่ชอบเขมร แต่ก็เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ ไทยกับเขมรยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันเพราะดินแดนติดกัน ยกเว้นไทยตัดสินใจยึดเขมรเสียเหมือนสมัยอยุธยาตอนกลาง
ท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงวิกฤต จึงต้องรับภาระสำคัญ หากท่านพลาดพลั้งอะไรไปประเทศก็จะเสียหายตามไปด้วย เช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้
1. ที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ 11 พ.ย. ท่านพูดทำไมว่า “หากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ถามมา ผมมองว่า ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะเขาไม่ใช่ผู้นำประเทศ” ท่านเป็นนายกฯ ไม่รู้หรือว่า เอกอัครราชทูตที่ได้รับพระราชทานตราตั้งนั้น เขาเป็นผู้แทนประเทศนะครับ ท่านไปวางก้ามไม่ให้ความสำคัญกับเขาได้อย่างไร โดยเฉพาะเขาเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกที่เราต้องพึ่งพา
2. ที่ วปอ. เมื่อ 12 พ.ย. ท่านกล่าวโวว่า เมื่อไม่ปฏิบัติตามปฏิญญา ท่านก็จะร้องเพลง My Way ซึ่งแปลเป็นแบบไทยดั้งเดิมว่า “ทำตามใจกู” ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการเบ่งและแสดงอำนาจเกินความจำเป็น หากพิจารณานิสัยท่านในฐานะพ่อค้าเก่า ท่านจะพูดแบบนี้ไม่ได้ นักศึกษา วปอ. เขาจึงแอบนินทาและไม่เชื่อถือท่าทีด้วย
ร้ายกว่านั้นก็คือ ท่านยังพูดว่า “การเจรจาการค้าภาษีเป็นอย่างไร ไม่สน ขายกับประเทศนี้ไม่ได้ ก็ต้องขายประเทศอื่น” ท่านหลอกนักศึกษา วปอ. หรือเปล่า เพราะในที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจ ในการหารือกับรัฐมนตรีคลังและพาณิชย์ ตลอดจนกับสมาคมที่เกี่ยวกับการค้าขายทั้งหลาย ท่านไม่ได้พูดอย่างนี้ แต่ท่านพูดว่า เราต้องหารือและประนีประนอมกับสหรัฐฯ เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเรา เราค้าขายกับเขามากมายถึงปีละหลายล้านล้านบาท
3. ท่านเขียน FB และเล่าว่า ได้ขอร้องประธานาธิบดี Trump ให้ลดภาษีนำเข้า ซึ่งได้รับคำตอบว่า หากไทยเร่งดำเนินการถอนทุ่นระเบิดได้รวดเร็วก็จะลดภาษีให้มากกว่านี้ ที่เล่ามานี้คนเขาไม่สบายใจมากครับ เพราะเท่ากับประธานาธิบดี Trump เอาเรื่องภาษีมาบีบไทยในเรื่องที่ไม่สัมพันธ์กันและคนละเรื่อง เพราะไทยนั้นจริงๆ กำลังเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่เขมรกลับขัดขวาง จึงสงสัยกันว่า ท่านได้อธิบายความจริงให้ท่าน Trump ได้เข้าใจหรือไม่ หรืออาจเป็นเรื่องนอกบทจึงพูดภาษาอังกฤษไม่ถูก
4. ความไม่คงเส้นคงวาอีกเรื่องก็คือ นายกฯ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศพยายามพูดว่า สหรัฐฯ ต้องแยกเรื่องการค้าและการทหารออกจากกัน แต่เรื่องนี้กลับปรากฏว่า ท่านเองนั่นแหละที่เอาเรื่องภาษีหรือการค้าไปหารือกับท่าน Trump เสียเอง ตกลงจะเอายังไงครับท่านนายกอนุทิน อย่างนี้ลูกน้องปวดกบาลกันหมด
5. มาดูเรื่องนี้ใครโกหก? Trump ให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินเมื่อคืนว่า นายกรัฐมนตรีไทยและเขมรตกลงเจรจากันและจะไม่มีสงครามอีกแล้ว โดยกล่าวว่า “ผมหยุดสงครามได้แล้ว” Trump เล่าว่า ได้ขู่จะใช้ภาษีกดดันให้สองประเทศคุยกัน อ้าว! ไหนนายกอนุทินมาบอกคนไทยว่า กับเขมรเลิกกันแล้วแน่นอน ไม่ต้องคุยอะไรกันอีกแล้ว แต่ทำไมไปตกลงกับ Trump ว่า จะคุยกันอีก นี่เป็นการโกหกคนไทยหรือเปล่าครับ ช่วยอธิบายหน่อย
6. โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาประกาศแล้วว่า ให้เขมรและไทยใจเย็น มาเจรจากันใหม่เพื่อบรรลุสันติภาพ จีนจะดำเนินการตามวิธีของตน แล้วท่านอนุทินจะว่าอย่างไรครับ ไอ้ที่พูดว่า “ไม่! ไม่!” ไปแล้วจะทำอย่างไร
ต่อไปนี้อยากแนะนำว่า สิ่งที่ควรทำมีอะไรบ้าง
1. เพื่อเห็นกับหน้าพยานคือ Trump และอันวาร์ อย่าใช้คำว่า “ยกเลิก” ให้ใช้คำว่า “ชะลอ” หรือ “ระงับชั่วคราว” แทน
2. ถ้ามีการประชุมไม่ว่าในระดับใด อย่ารีบไปตกลงอะไร แต่ให้เน้นในเรื่องการแก้ถ้อยคำและภาษาเพื่อป้องกันการเบี้ยวของฝ่ายเขมรในอนาคต และให้มีบทลงโทษด้วย
3. ในเรื่องการวางกับระเบิด ถ้าพบว่าเขมรมาแอบวางที่ไหน ก็ให้ยิงให้ตายเลย และตามไปทำลายกองบัญชาการในส่วนที่รับผิดชอบเสียให้สิ้นซาก ถือว่าเป็นการป้องกันตนเอง ไม่ผิด
4. กรณีบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว หากยิงมาอีกก็ยิงตอบ และถือโอกาสบุกเข้าไปยึดที่ดินเสียให้หมด เข้าไปจนถึงแนวถนนศรีเพ็ญ ที่เราเป็นคนสร้างเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งผมเห็นมากับตาที่หลักเขตประมาณ 40–42
5. ต่อไปนี้ทหารต้องใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ คือ ยิงมาก็ยิงไป ไม่ต้องเกรงใจอะไรแล้ว และก็ไม่ต้องเชิญ AOT ไปด้วย ไปทำไมในเมื่อเป็นสิทธิ์ในการป้องกันตนเองของเรา
เท่านี้พอทำได้ไหม หากทำไม่ได้ ก็คงอยู่ไม่ได้ล่ะครับ






