- 18 พ.ย. 2568
"หมอดัง" แฉวงจร creator ปั่นดราม่า ทำคอนเทนต์ขยะ ใช้ความกากเรียกกระแส อาศัยอัลกอริทึมดันคลิป ยิ่งคนด่า ยิ่งดัง ทำสังคมเสื่อม
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.68 ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท เจ้าของเพจ “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” ออกมาโพสต์ข้อความสะเทือนโลกโซเชียล เตือนภัยยุคคอนเทนต์ปั่น พร้อมจวกแรงว่า “คอนเทนต์ขยะ สร้างสมองขยะ” ชี้ดราม่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่เป็น “แพตเทิร์น” ที่ครีเอเตอร์จงใจสร้าง
อาจารย์สุรัตน์ระบุว่า การด่า ไม่ได้ทำให้พฤติกรรมสุดโต่งหยุดลง แต่กลับเป็นสิ่งที่ creator ต้องการที่สุด เพราะยิ่งมีเสียงวิจารณ์ → ยิ่งเกิดกระแส → ยิ่งเข้าถึงสูง → ยิ่งปั้นชื่อ → สุดท้ายก็ “ขอโทษ-กลับมาทำซ้ำ” กลายเป็นวงจรไม่รู้จบ
พร้อมเตือนว่า แม้หลายคนจะด่า แต่ก็ยังมีอีกมากที่ลอกเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะมองว่า “ทำแบบนี้ก็ได้นี่หว่า ไม่ต้องจรรโลงสังคมก็เด่นได้” จนกลายเป็นความเสื่อมถอยในสังคมที่เยาวชนเข้าถึงง่าย ขณะที่หน่วยงานรัฐใช้งบมหาศาลด้านรณรงค์ แต่กลับถูกท้าทายด้วยคอนเทนต์กาก ๆ ไม่กี่คลิป
อาจารย์สุรัตน์ยังวิเคราะห์ “6 กลไก” ที่ผลักให้ creator จำนวนมากตั้งใจทำคอนเทนต์ดราม่า ได้แก่
1) อัลกอริทึมชอบสิ่งที่คนโต้เถียง = เข้าถึงเยอะกว่าปกติ แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, IG, Facebook ให้คะแนนสูงกับคอนเทนต์ที่ คนหยุดดูคนโต้ตอบ คนแชร์ไปด่า เพราะ “การมีส่วนร่วมเชิงลบ = negative engagement” ดังนั้น creator บางคนรู้ว่า ถ้าทำให้คนโกรธ → คนจะคอมเมนต์ → คลิปพุ่ง นี่คือ “เศรษฐศาสตร์ของความโกรธ (Economics of Outrage)” แล้วมันจะลบคลิปทำไม คิดว่าสลด ไม่เลย ด่ามา pattern นี้ หนูจำได้
2) ความดังเร็วกว่าด้วย “พฤติกรรมเสียงดัง” มนุษย์โบราณตอบสนองกับสิ่งที่ผิดปกติรุนแรงได้เร็วกว่า ดังนั้นพอเห็นคนทำอะไร “แปลก ๆ แรง ๆ อุกอาจ” สมองส่วนดั้งเดิม (amygdala) ตื่นตัวทันที creator บางคนจึงใช้จุดนี้ เช่น ทำอะไรเกินจริง ทำพฤติกรรมที่ดูเสี่ยง ทำอะไรที่เหมือนท้าทายสังคม เพื่อให้คนหันมามองก่อน แล้วค่อยขายอย่างอื่นทีหลัง
3) คอนเทนต์ที่มีประเด็น = สร้างอัตลักษณ์ได้เร็ว บางคนอยากสร้าง “ตัวตน” ในตลาด creator ที่แน่นมาก การใช้ภาพลักษณ์แบบ “ขบถต่อสังคม” ทำให้พวกเขาโดดเด่น เช่น ยืนบนรถ แสดงกิริยาโอเวอร์ ทำอะไรที่คนทั่วไปไม่ทำ แม้จะกากเท่าไหร่ ก็ตาม ยิ่งกาก คนยิ่งดู เป็นการประกาศว่า “ฉันไม่เหมือนใคร” คือ platform และสังคมชอบแบบนี้ outstanding from noise ออกยืนกลาง content ที่มากมาย ขายได้ ไม่สนสังคม
4) ความกดดันทางรายได้ทำให้บางคนต้องเล่นใหญ่ creator ใหม่จำนวนมากต้องโตเร็วเพื่อให้มีรายได้ จึงเลือกเส้นทางที่ โตง่ายที่สุด แม้มันจะเป็นทางที่เสี่ยง แต่เอาวะ เดี๋ยวคนก็ลืม พูดง่าย ๆ “คอนเทนต์ดี ๆ สร้างยาก แต่ว่าดราม่าสร้างง่ายกว่า”
5) คนดูบางกลุ่มติด “ดราม่าโดปามีน” พอคนเสพคอนเทนต์แรงบ่อย ๆ สมองจะเสพติดความรู้สึกตื่นเต้นแบบนั้น เหมือนกินฟาสต์ฟู้ดทุกวัน: ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่กินง่าย อร่อยเร็ว creator ก็รู้ เลยผลิต “ฟาสต์ฟู้ดทางสมอง” ออกมาตรงรสนิยมของผู้ชมบางกลุ่ม เอ่อ นี่ อจ อุตส่าห์ ทำ content ถอน โดปามีน ให้อยู่กันแบบ สาระ สาระ แทบตาย เจอทั้งกินเค้ก เจอทั้งปีนไปเต้น จะบ้าตาย
6) วัฒนธรรมออนไลน์เอื้อให้ “ความปั่น = ความดัง” ยุคนี้ คนดังเพราะเรื่องดี 1 ส่วน ดังเพราะเรื่องปั่น 9 ส่วน creator เลยเลือกทางที่คาดเดาผลลัพธ์ง่ายกว่า คนดี ทำ content ดี มันต้องใช้ความรู้ ใช้ความพยายามไง กากกาก ดีกว่า เร็วดี ไม่ต้องคิดมาก
อาจารย์ทิ้งท้ายว่า ระบบโซเชียลในปัจจุบันกำลังสร้างคนประเภทนี้ขึ้นมาเอง พร้อมตั้งคำถามถึงคุณภาพสังคมว่า
“คนกำลังเกิดน้อยลง แต่ขอให้เกิดน้อยแบบมีคุณภาพได้ไหม?”
ขอบคุณ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์






