อย่าคิดว่าแค่เล่นกับนก! เด็กป่วยซ้ำติดเชื้อร้ายจากมูลนกพิราบ

แม่ออกมาเล่าอุทาหรณ์ พาลูกเล่นใกล้นกพิราบก่อนป่วยซ้ำ ๆ พบเสี่ยงติดเชื้อรา “คริปโตคอกโคสิส” จากมูลนก ซึ่งอาจลุกลามถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เกิดเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจผู้ปกครองจำนวนมาก หลังคุณแม่รายหนึ่งออกมาเผยประสบการณ์สุดเจ็บปวด เมื่อเธอเคยพาลูกสาวไปถ่ายรูปและให้อาหารใกล้ฝูง นกพิราบ ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ด้วยความคิดว่าเป็นกิจกรรมธรรมดาที่เด็ก ๆ น่าจะสนุกและปลอดภัย

แต่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ลูกสาวเริ่มมีอาการ ไข้ขึ้นบ่อย ไอเรื้อรัง และปอดอักเสบซ้ำซาก จนต้องแวะโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แพทย์ตรวจพบการติดเชื้อทางเดินหายใจหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้

ต่อมามีการตรวจเชิงลึก และเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเด็กอาจได้รับเชื้อรา “คริปโตคอกโคสิส” ซึ่งมักพบในมูลนกพิราบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฝูงนกอาศัยอยู่จำนวนมาก เชื้อชนิดนี้สามารถลอยมากับฝุ่นหรืออากาศเข้าสู่ปอด และถ้าร่างกายอ่อนแอ เชื้ออาจกระจายไปยัง ระบบประสาทและเยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดโรคคริปโตคอกโคสิส ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงที่ต้องได้รับยาต้านเชื้อราเฉพาะทาง

อย่าคิดว่าแค่เล่นกับนก! เด็กป่วยซ้ำติดเชื้อร้ายจากมูลนกพิราบ

คุณแม่เผยว่า เธอไม่เคยคิดเลยว่าการให้ลูกใกล้นกพิราบเพียงไม่กี่นาทีจะนำไปสู่การรักษายาวนานหลายเดือน เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและเสียใจที่ไม่รู้ถึงความเสี่ยงมาก่อน พร้อมหวังว่าเรื่องนี้จะช่วยเตือนผู้ปกครองคนอื่นให้ระมัดระวังมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระบุว่า แม้เด็กส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันดี แต่การได้รับเชื้อราในปริมาณมาก เช่น จากบริเวณที่มี มูลนกสะสม อาจเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ข้อควรระวังสำคัญ

-   หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝูงนกพิราบเกาะหนาแน่น

-   ไม่ให้อาหารนกหรือนั่งเล่นใกล้พื้นที่ที่มีมูลนกจำนวนมาก

-   สังเกตอาการป่วยเรื้อรัง เช่น ไข้ ไอ หอบเหนื่อย

-   พาเด็กพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ

-   ล้างมือและเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนว่า แม้นกพิราบจะดูเป็นมิตรและพบเห็นได้ทั่วไป แต่ มูลนกสามารถเป็นแหล่งสะสมเชื้อราที่ก่อโรครุนแรง และควรป้องกันก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้อีก
 

อย่าคิดว่าแค่เล่นกับนก! เด็กป่วยซ้ำติดเชื้อร้ายจากมูลนกพิราบ


แหล่งที่มาอ้างอิง


- ข้อมูลโรคคริปโตคอกโคสิส จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

- แนวทางการป้องกันการติดเชื้อราในสิ่งแวดล้อมจากองค์การอนามัยโลก (WHO)