- 24 พ.ย. 2568
เตือน หาดใหญ่วิกฤต เฝ้าระวังต่อเนื่องสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่จะหนักมากขึ้นกว่าเดิม น้ำที่ท่วมจากระลอกแรกยังไม่ลดลง มีฝนตกหนักต่อเนื่อง มากกว่า 200 มม. ต่อวัน
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เปิดเผยถึงเหตุน้ำท่วมจังหวัดสงขลา ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ พร้อมเตือน หาดใหญ่วิกฤต !!! เฝ้าระวังต่อเนื่องสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่จะหนักมากขึ้นกว่าเดิม น้ำที่ท่วมจากระลอกแรกยังไม่ลดลง และปัจจุบันมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ประกอบกับมวลน้ำจากต้นน้ำบริเวณอำเภอสะเดาเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดการณ์พบว่าวันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ (24-25 พ.ย. 68) พื้นที่จังหวัดสงขลาจะยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง มากกว่า 200 มม. ต่อวัน
ด้านในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้สั่งการด่วนให้มีการอพยพประชาชนในเขตพื้นที่เสี่ยงสูงออกทั้งหมด ผนึกกำลังกองทัพภาคที่ 4 ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เข้าสู่ภาวะวิกฤต
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เผย ระดับน้ำในตัวเมืองหาดใหญ่เริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤตตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเย็นวันนี้คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งอาจจะสูงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2553 หรืออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน หากฝนยังตกลงมาทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการนำรถและเรือเข้าไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย ยอมรับว่าเป็นไปด้วยความลำบาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน เนื่องจากพื้นที่ถูกตัดกระแสไฟฟ้า จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเข้าช่วยเหลือทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งปฏิบัติงาน
จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ย้ำว่า! มีข้อสรุปเด็ดขาดให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่บริเวณชั้นใน "อพยพออกทั้งหมด" เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะ กลุ่มเปราะบางที่ต้องลำเลียงออกมาก่อนเพื่อพาไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
ในส่วนของ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัยล่าสุด (24 พ.ย. 68) ภาคใต้ยังคงได้รับอิทธิพลของร่องมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และหย่อมความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านอ่าวไทยภาคใต้ตอนล่าง ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง กรมชลประทาน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ด้วยการนำรถบรรทุกขนย้ายสิ่งและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง รวมถึงเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล พร้อมเฝ้าระวังและระดมเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ปัจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
- นครศรีธรรมราช
หนักสุด – ผลกระทบกว่า 127,000 ครัวเรือน
จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ นครศรีธรรมราช น้ำท่วมรวม 9 อำเภอ ได้แก่ ชะอวด ปากพนัง เมืองนครศรีธรรมราช เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม หัวไทร เชียรใหญ่ ร่อนพิบูลย์ และลานสกา มากกว่า 127,600 ครัวเรือน หลายพื้นที่มีระดับน้ำสูงจากน้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 42 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 7 ชุด เพื่อเร่งระบายน้ำลงทะเลอ่าวไทย
- สุราษฎร์ธานี-ตรัง-พัทลุง-สตูล
ยังมีน้ำท่วมหลายอำเภอ มีน้ำท่วมจากน้ำล้นตลิ่งและฝนสะสมสูง สุราษฎร์ธานี มีน้ำท่วมในเขตอำเภอท่าฉาง กาญจนดิษฐ์ และเคียนซา ปริมาณฝนสะสมสูงสุดวัดได้ถึง 252 มม. ปัจจุบันยังคงมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณคลองยัน คลองท่าทอง และแม่น้ำตาปี รวมถึงน้ำท่วมขัง ระดับน้ำประมาณ 10-20 ซม. โครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี สำนักงานชลประทานที่ 15 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำรวม 18 ชุด เพื่อเร่งผลักน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ
- ตรัง
มีน้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ รัษฎา นาโยง ปะเหลียน และย่านตาขาว จากฝนสะสม 337 มม. มวลน้ำมาจากพื้นที่ต้นน้ำในนครศรีธรรมราช ปัจจุบันยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
- สตูล
มีน้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองสตูล ควนโดน ท่าเพ และละงู ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 25-50 ซม.
- พัทลุง
มีน้ำท่วม 8 อำเภอ ได้แก่ กงหรา ป่าบอน ควนขนุน ปากพะยูน เมืองพัทลุง ป่าพะยอม บางแก้ว และเขาชัยสน โครงการชลประทานพัทลุง สำนักงานชลประทานที่ 16 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 7 เครื่อง เร่งระบายน้ำออกจากในพื้นที่
- สงขลา
ยังวิกฤติ -บางจุดท่วมสูงถึง 2.5 เมตร จังหวัดสงขลา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เกิดน้ำท่วมหนัก จากฝนที่ตกถล่มต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะพื้นที่ อำเภอรัตภูมิ ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงถึง 396 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นค่าที่สูงเป็นพิเศษและเกินกำลังของแม่น้ำต่างๆ จะรับได้ ทำให้เกิดน้ำหลากรวดเร็วและน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 6 อำเภอ
ได้แก่ ระโนด กระแสสินธุ์ รัตภูมิ หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง และสิงหนคร โดยในเขตเมืองหลักอย่าง เทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ มีน้ำท่วมชุมชนริมคลองวาดและคลองต่ำ ระดับน้ำบางจุดสูงถึง 2.50 เมตร ส่งผลกระทบต่อการสัญจรและที่อยู่อาศัย ปัจจุบันสำนักชลประทานที่ 16 ได้ระดมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 32 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด พร้อมเปิดทางระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาและอ่าวไทย รวมถึงได้กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง






