ทำไมต้องใช้ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก  กองทัพเรือ โดย พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ  จัดกำลังทางเรือ อากาศยาน และชุดปฏิบัติการพิเศษ ประกอบกำลังเป็นหน่วยเรือ บรรเทาสาธารณภัย โดย เรือหลวงจักรีนฤเบศร  เร่งบรรทุกอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อมแพทย์สนามรวมถึงสิ่งของจำเป็นสำหรับช่วยเหลือ ซึ่งจะออกเดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบไปเมื่อเวลา 23.00 น. ที่ผ่านมา มุ่งหน้าสู่จังหวัดสงขลาพร้อมเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และชุดปฏิบัติการต่างๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจตั้งแต่บัดนี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

 

โดย เมื่อวันที่  25พ.ย.68  พลเรือเอก ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ ได้เดินทางไปตรวจความพร้อมและให้กำลังใจกำลังพลกองทัพเรือ ที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้  บริเวณเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี  

ทั้งนี้ เรือหลวงจักรีนฤเบศร จะปฏิบัติหน้าที่เป็นฐานปฏิบัติการลอยน้ำสำหรับเฮลิคอปเตอร์และโดรน  รวมถึงเป็น ครัวลอยน้ำ ซึ่งสามารถผลิตอาหารปรุงสุกได้มากกว่า 3,000 ชุด/วัน 

ตลอดจนเป็น โรงพยาบาลลอยน้ำ พร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉิน  พร้อมกันนี้ กองทัพเรือได้ บูรณาการกำลังที่มีขีดความสามารถจากหน่วยต่างๆของกองทัพเรือ อาทิ ชุดปฏิบัติการพิเศษจาก หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ  กองเรือยุทธการ  ชุดประดาน้ำและถอดทำลายอมภัณฑ์ จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ  และ กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมเรือยาง 14 ลำ  เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างในพื้นที่กระแสน้ำรุนแรงเป็นลำดับแรก

ซึ่งทาง กองทัพเรือ ได้ออกมาเปิดเผยถึง สาเหตุว่า ทำไมต้องใช้ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

เพราะคือ “ฐานบัญชาการเคลื่อนที่กลางน้ำ” ที่พร้อมปฏิบัติการรอบด้าน ทั้งลำเลียงผู้ประสบภัย ดูแลรักษาพยาบาล ส่งกำลังบำรุง และสนับสนุนทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมง
กองทัพเรือเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือประชาชน เร็วที่สุด ปลอดภัยที่สุด