- 26 พ.ย. 2568
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาววัยเพียง 16 ปี เครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ หลังชักชวนเด็กหญิงค้าบริการ อ่านหมายจับต่อหน้าแม่
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ จ.3/2568 และหมายจับที่ จ.4/2568 ลงวันที่ 10 ก.ย.68 เครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ หลังชักชวนเด็กหญิงค้าบริการ
ในฐานความผิด ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในราชอาณาจักร หรือนอกราชอาณาจักร โดยเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น จัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ร่วมกันโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจารสถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พฤติการณ์ คดีนี้สืบเนื่องจากได้รับแจ้งความร้องทุกข์ กรณีได้มีกลุ่มคนร้ายชักชวนและนำพาเด็กหญิง ร. ขอสงวนชื่อและนามสกุล ซึ่งขณะเกิดเหตุอายุเพียง 13 ปี 5 เดือน กับเด็กหญิง จ. ขณะเกิดเหตุ อายุ 14 ปี 11 เดือน ไปค้าประเวณีกับลูกค้าคนจีนที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา ซึ่งเจ้าของร้านเป็นหญิงคนไทย และให้ทำงานรับลูกค้าตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึงเวลา 03.00 น. โดยจะเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าชาวจีนที่จะมาซื้อบริการและรับเงินค่าซื้อบริการ ซึ่งเงินค่าบริการจะมีราคาตั้งแต่ 5,000 – 18,000 บาท แล้วแต่ลูกค้าจะเลือก
ทั้งนี้เจ้าของร้านรายดังกล่าวจะได้รับเงินส่วนแบ่งในแต่ละครั้งตั้งแต่ 3,500 - 12,000 บาท ส่วนเด็กจะได้รับเงินเพียง 1,500 - 6,000 บาทเท่านั้น โดยคนไทยที่พาเด็กหญิงทั้ง 2 คน ข้ามไปยังประเทศเมียนมา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. จับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. พบว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับรายนี้ ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อชักชวนและแนะนำการทำงานให้กับ เด็กหญิง ร. และ เด็กหญิง จ. ในการไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา ทั้งนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า น.ส.เอ ได้รับเงินค่านายหน้าจากเจ้าของร้านหญิงไทย เป็นเงิน 5,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. จึงได้ขออนุมัติหมายจับ น.ส.เอฯ ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. ทราบว่า น.ส.เอ ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อเข้าทำการจับกุม จากนั้นจึงได้นำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว และได้พบ น.ส.เอฯ นั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้เรียกให้ออกมาหน้าบ้านพร้อมกับมารดา เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานพร้อมกับแสดงหมายจับทั้ง 2 หมายให้ น.ส.เอฯ ดู ต่อหน้ามารดา
เมื่อ น.ส.เอฯ ได้ดูและรับทราบตามหมายจับแล้ว จึงแจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ น.ส.เอฯ ทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับทั้ง 2 หมายจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับทั้ง 2 หมายนี้มาก่อน โดยในชั้นจับกุมให้การ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และยังรับว่า ได้ติดต่อชักชวนเด็กหญิง ร. และ เด็กหญิง จ. ไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา โดยได้รับเงินค่านายหน้า จำนวน 5,000 บาท จากหญิงไทยเจ้าของร้านข้างต้นจริง
เตือนภัย พบเห็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ชั้น 20 อาคารพิทักษ์สันติ เลขที่ 1106 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร 10900 สายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก “กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์” ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.กิตติพงศ์ อมฤตโอฬาร สว.กก.4 บก.ปคม. โทร. 086-3666190
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”






