กทม. ตอบแล้วเลี้ยงสัตว์เกินโควตา มีโทษหรือไม่หากไม่จดทะเบียน

กทม. เผยกฎหมายคุมการเลี้ยงฯ มีผล 10 ม.ค. 69 ย้ำชัด! สัตว์เลี้ยงเดิมจำนวนเกิน เลี้ยงต่อได้ตลอดชีวิต รีบฝังชิป-จดแจ้ง ภายใน 9 เม.ย.

กทม. ตอบแล้ว เลี้ยงสัตว์เกินโควตา มีโทษหรือไม่หากไม่จดทะเบียน (4 ธ.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร รับฟังรายงานความคืบหน้าเรื่องการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2568 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ข้อบัญญัติจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงและลดปัญหาสัตว์จรจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ สำนักอนามัยได้รายงานเพื่อทราบใน 4 ประเด็น ได้แก่

กทม. ตอบแล้วเลี้ยงสัตว์เกินโควตา มีโทษหรือไม่หากไม่จดทะเบียน

[1] ภาพรวมข้อบัญญัติและการเตรียมความพร้อม

สำหรับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569 ที่จะถึงนี้ ซึ่ง กทม. ได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาระบบการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ การหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง NGOs และภาคเอกชน รวมถึงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน

[2] ขั้นตอนการจดทะเบียนสุนัขและแมว

ในส่วนของขั้นตอนการจดทะเบียนสุนัขและแมว 1. เจ้าของสัตว์พาสุนัขและแมวไปรับการฉีดฝังไมโครชิป 2. ยื่นคำขอจดทะเบียนสัตว์ (คลส. 2) 3. รับบัตรประจำตัวสัตว์ (คลส. 3) 

โดยสามารถพาสุนัขและแมวไปฉีดฝังไมโครชิปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ คลินิกสัตวแพทย์กรุงเทพมหานคร 8 แห่ง หรือหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานคร แต่หากไม่สะดวก สามารถฉีดฝังไมโครชิปที่คลินิก/โรงพยาบาลสัตว์ของเอกชน หรือโรงพยาบาลสัตว์ของรัฐ/คณะสัตวแพทย์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามที่แต่ละหน่วยงานกำหนด พร้อมรับใบรับรอง (คลส. 1) เพื่อนำมายื่นคำขอจดทะเบียนสัตว์ต่อไป
เอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน ประกอบด้วย 1. บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของสัตว์ 2. ทะเบียนบ้านที่สัตว์อาศัยอยู่ (ในพื้นที่ กทม.) 3. ใบรับรอง (คลส. 1) และ 4. หนังสือยินยอมจากผู้ให้เช่า ในกรณีเป็นผู้เช่า โดยยื่นคำขอจดทะเบียนได้ที่ คลินิกสัตวแพทย์หรือหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ของกรุงเทพมหานคร (ให้บริการครบวงจรทั้งฉีดฝังชิปและจดทะเบียนในที่เดียว) สำนักงานเขต หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทางเว็บไซต์ https://petregis.bangkok.go.th/

[3] ผลการฉีดฝังไมโครชิป

จากการสำรวจประชากรสุนัขและแมว ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสุนัข 54,860 ตัว มีแมว 124,194 ตัว โดยสุนัขได้รับการฉีดฝังชิปและจดทะเบียนแล้ว 34,296 ตัว (62.5%) แมวได้รับการฉีดฝังชิปและจดทะเบียนแล้ว 13,768 ตัว (11.09%)

 

[4] แผนการดำเนินงานถัดไป

ด้านการดำเนินงานระยะถัดไปจะมีการการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้อกำหนดพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์แต่ละประเภท รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการจดทะเบียนก่อนกฎหมายบังคับใช้ โดยสัตว์เลี้ยงเดิม (เลี้ยงก่อน 10 ม.ค. 69) จะไม่ถูกจำกัดจำนวนที่เลี้ยง คือหากเลี้ยงเกินจำนวนที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก ก็ยังสามารถเลี้ยงต่อได้จนกว่าสัตว์นั้นจะสิ้นอายุขัย ซึ่งสำหรับสุนัขและแมวขอให้มาฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียน ส่วนสัตว์อื่น เช่น ม้า, นก, เป็ด ขอให้แจ้งจำนวนที่เลี้ยง ก็จะสามารถเลี้ยงต่อจนสิ้นอายุขัยได้เช่นกัน ทั้งนี้ ประชาชนผู้เลี้ยงสัตว์เกินกว่าจำนวนที่กำหนด ให้แจ้งภายในวันที่ 9 เม.ย. 69 กรณีสัตว์เลี้ยงใหม่ (เลี้ยงหลัง 10 ม.ค. 69) จะจำกัดจำนวนการเลี้ยงตามข้อบัญญัติ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุนัขและแมวต้องมีการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียน

 

● สั่งการ: เร่งขยายบริการ และสำรวจความปลอดภัยโรงเรียน-ศูนย์เด็กเล็ก
จากนั้น ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้กำชับว่า เหลือระยะเวลาเพียง 1 เดือน ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ ให้เร่งขยายบริการให้ทั่วถึง สื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนทราบ เนื่องจากปัจจุบันยังมีประชาชนจำนวนมากไม่เข้าใจรายละเอียด พร้อมสั่งการให้ผู้บริหารเขตทุกพื้นที่ตรวจสอบสภาพรั้วโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กป้องกันสุนัขจรจัดเข้าพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยของเด็กและบุคลากร

 

● เน้นย้ำ: เงื่อนไขการจดแจ้งสัตว์เก่า-สัตว์ใหม่ 
ด้านรองผู้ว่าฯ ทวิดา ได้เน้นย้ำว่า การสื่อสารของเจ้าหน้าที่เขตต้องตรงกัน คือ “สัตว์เลี้ยงเก่า ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องฝังชิปและจดทะเบียน ส่วนสัตว์เลี้ยงใหม่ จำกัดจำนวน และต้องฝังชิปและจดทะเบียน” โดยกฎหมายจะบังคับใช้ 10 ม.ค. 69 แต่จะมีระยะเวลาผ่อนผันให้สามารถแจ้งสัตว์เลี้ยงเกินจำนวนภายใน 3 เดือน และเริ่มบังคับใช้จริงจังตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 69 เป็นต้นไป

 

ในส่วนของลูกสัตว์ที่เกิดเกินจำนวนภายหลังข้อบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้ (10 ม.ค. 69) รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะช่วยให้คำแนะนำ โดยหากยังเกินจำนวนหลังระยะเวลาผ่อนผัน (9 เม.ย. 69) จะประสานช่องทางอุปการะหรือรับมาดูแลที่ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) สำหรับสุนัขและแมวในวัดนั้น ข้อบัญญัติฯ นี้ ยังไม่ครอบคลุมโดยตรง เนื่องจากสุนัขและแมวในวัดไม่มีเจ้าของ โดยแนวทางเบื้องต้น หากสุนัขหรือแมวที่มีพระหรือฆราวาสแสดงตัวเป็นเจ้าของ ให้เจ้าของมาดำเนินการฉีดฝังชิปและจดทะเบียน หากเป็นสุนัขหรือแมวจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในวัด ให้ดูแลตามแนวทางสัตว์จรจัด อาทิ ทำหมัน ฉีดวัคซีน แต่หากดุร้ายหรือเป็นปัญหาจนเกิดข้อร้องเรียน ให้ประสานกรุงเทพมหานครนำออกจากวัด

 

ขอบคุณที่มาจาก : กรุงเทพมหานคร