- 05 ธ.ค. 2568
ลูกค้าร้องเพจดัง ไปรับประทานร้านตำชื่อดัง หม้อไฟพลิกคว่ำหกใส่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ร้านปัดรับผิดชอบ คำตอบสุดเจ็บใจ
ลูกค้าร้อง สายไหมต้องรอด หลังไปกินร้านส้มตำชื่อดัง อุปกรณ์หม้อไฟชำรุด แต่พนักงานยังนำมาเสิร์ฟให้ลูกค้า ระหว่างตักรับประทาน หม้อไฟได้พลิกคว่ำหกใส่ลูกค้า ทำให้บาดเจ็บสาหัส ลูกค้าจึงขอให้ร้านช่วยค่ารักษาพยาบาล แต่ร้านกลับปฏิเสธ อ้างว่าลูกค้าสั่งหม้อไฟมากินเอง ถือว่าลูกค้าประมาทเอง ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
ผู้บริโภคคนหนึ่งได้ยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่ได้ไปบริโภคอาหารที่ร้านอาหารอีสานชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยพบว่าอุปกรณ์สำหรับหม้อไฟมีความชำรุด แต่พนักงานยังคงนำมาเสิร์ฟให้ตามปกติ ในระหว่างที่ผู้เสียหายกำลังตักอาหารจากหม้อไฟนั้น หม้อไฟได้พลิกคว่ำและน้ำร้อนจากหม้อได้หกใส่ผู้เสียหาย ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง ผู้เสียหายจึงได้ร้องขอให้ทางร้านช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล แต่ทางร้านกลับปฏิเสธ โดยอ้างว่าผู้เสียหายเป็นผู้สั่งหม้อไฟมารับประทานเอง จึงถือว่าผู้บริโภคมีความประมาทและต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้เสียหายได้นั่งรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะยาว โดยพนักงานได้จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำหม้อไฟในบริเวณด้านหน้าของผู้เสียหาย ในระหว่างนั้น พนักงานได้พยายามจัดระเบียบเตาให้เรียบร้อย โดยเฉพาะการใช้กระดาษรองที่บริเวณขาตั้งเตา ก่อนที่จะนำหม้อไฟใส่อาหารมาวางและจุดเตาไฟ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้เสียหายกำลังตักอาหารจากหม้อไฟ เตาเกิดล้มลง ส่งผลให้หม้อไฟหกใส่ผู้เสียหาย น้ำร้อนจากหม้อได้ลวกเข้าที่ขาของผู้เสียหายอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวกที่ต้นขาข้างขวา ก่อนที่พนักงานร้านและผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นจะเข้ามาช่วยเหลือ
คุณเติ้ล อายุ 34 ปี ผู้เสียหายในเหตุการณ์นี้ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลาประมาณเที่ยง เขาและกลุ่มเพื่อนจำนวน 7 คน ได้ไปบริโภคอาหารที่ร้านอาหารอีสานชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุทธิสาร แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง ในวันนั้นเขาได้สั่งแจ่วฮ้อนมารับประทาน โดยพนักงานได้จัดเตรียมแจ่วฮ้อนมาเสิร์ฟตามปกติ โดยมีการใช้ฐานไม้มาวางรองและขาเหล็กรองเตา แต่เขาได้สังเกตว่าขาเหล็กนั้นมีความไม่แข็งแรง จึงได้แจ้งให้พนักงานดำเนินการปรับปรุง พนักงานจึงได้ใช้กระดาษจดออเดอร์มาพับทบกันเพื่อรองขาเหล็กอีกครั้ง ก่อนที่จะนำหม้อแจ่วฮ้อนมาวางและจุดเตา
ในระหว่างนั้น เขาได้ใส่วัตถุดิบลงในหม้อตามปกติและรอจนกว่าจะสุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่อเห็นว่าอาหารในหม้อสุกแล้ว เขาจึงใช้กระบวยตักอาหารขึ้นมาทานครั้งแรก ปรากฏว่ากระดาษที่รองขาเหล็กเกิดบานขึ้น คาดว่าน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักในหม้อ ทำให้เตาคว่ำลงใส่เขา น้ำร้อนลวกที่บริเวณต้นขา แพทย์ได้ประเมินว่าเป็นแผลไฟไหม้ระดับ 2 ลวกถึงชั้นไขมันแต่ไม่ถึงกล้ามเนื้อ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เขายังพบว่าฐานไม้ที่วางบนโต๊ะนั้นไม่แข็งแรงและไม่สม่ำเสมออีกด้วย นอกจากนี้ พนักงานร้านกลับไม่ให้การช่วยเหลือในการปฐมพยาบาลหรือสนใจอาการของเขา นอกจากจะทำแจ่วฮ้อนมาให้ใหม่และไม่คิดค่าอาหาร แต่กลับปฏิเสธที่จะให้บริการอีก
หลังจากเกิดเหตุ ร้านได้แจ้งว่ามีประกันค่ารักษาอุบัติเหตุจำนวน 100,000 บาท โดยในการรักษาครั้งแรก ร้านได้ดำเนินการสำรองจ่ายให้ 20,000 บาทและนำไปเบิกกับประกัน พร้อมทั้งได้พูดคุยเพื่อให้ร้านชดใช้เยียวยา ทั้งค่าเสียโอกาส ค่าชดเชยรายได้ ค่าทำขวัญ และค่าอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 100,000 บาท แต่ร้านยังไม่ได้เสนอจำนวนเงินที่จะจ่ายกลับมา
ปรากฏว่า ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ร้านได้ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าชดใช้เยียวยาให้ และได้บอกให้เขาดำเนินการเบิกเคลมกับนายหน้าประกันของร้านเอง เนื่องจากประกันอ้างว่า จากคลิปวงจรปิดเห็นได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการประมาทร่วม โดยถือว่าความรับผิดชอบของพนักงานสิ้นสุดลงตั้งแต่ลงเตาแล้ว หลังจากนั้นความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ตัวลูกค้า ตั้งแต่การใส่วัตถุดิบและการตักรับประทานอาหาร เพราะมองว่าการใส่อาหารของลูกค้านั้นทำให้น้ำหนักไม่สมดุล ลูกค้าจึงต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมองว่าผู้เสียหายเป็นพนักงานประจำ จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายชดเชยรายได้
ตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ร้านอาหารได้ปฏิเสธที่จะสื่อสารโดยตรงกับผู้ร้องเรียน โดยแนะนำให้ติดต่อผ่านนายหน้าประกันภัยแทน อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ร้องเรียนพยายามติดต่อกับนายหน้าประกันภัย กลับได้รับการปฏิเสธที่จะพูดคุยและไม่สามารถยืนยันได้ว่านายหน้าดังกล่าวเป็นนายหน้าประกันภัยที่แท้จริงหรือไม่ จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอด เพื่อเรียกร้องให้ร้านอาหารรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการได้รับบาดเจ็บ เสียโอกาส และเสียเวลาในการทำงาน รวมถึงการยกเลิกแผนการท่องเที่ยวกับครอบครัวในช่วงปลายปีเนื่องจากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล
ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ผู้ร้องเรียนต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวน 7,000 บาท และต้องติดตามรักษาแผลอย่างน้อย 2-3 เดือน โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ร้องเรียนได้ไปทานอาหารตามปกติและไม่ได้ทำอะไรกับหม้อเลยนอกจากตักอาหาร และไม่ต้องการประสบอุบัติเหตุเช่นนี้ หากอุปกรณ์ของร้านมีความปลอดภัย ปัญหานี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ผู้ร้องเรียนเลือกที่จะเข้ามาแจ้งเรื่องนี้เนื่องจากมีความมั่นใจในชื่อเสียงของร้านและความปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว จึงขอให้ร้านแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่การปฏิเสธความรับผิดชอบเช่นนี้ เพราะสิ่งที่ผู้ร้องเรียนเรียกร้องไม่ได้มากเกินไป
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้กล่าวถึงร้านอาหารประเภทนี้ว่า ร้านของท่านเป็นร้านที่มีลักษณะเป็นครอบครัวและมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นกับเด็ก ความเสียหายอาจจะมากกว่านี้ เมื่อพิจารณาจากอุปกรณ์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีความแข็งแรงเพียงพอ
หลังจากนี้ จะมีการประสานงานกับสำนักงานเขตห้วยขวาง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบมาตรฐานของอุปกรณ์ภายในร้านว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงจะประสานกับผู้กำกับการสถานีตำรวจสุทธิสาร เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เนื่องจากการรักษาต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ซึ่งถือว่าเกิน 21 วัน และเข้าข่ายบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการ ร้านควรมีความรับผิดชอบต่อผู้เสียหายด้วย






