- 08 ธ.ค. 2568
"บิ๊กโจ๊ก"เปิดใจเผยความคิดเห็นส่วนตัว คดี"นัทปง" แนะนำให้มีการตรวจสอบซอกเล็บเพื่อค้นหาสารตกค้างที่อาจเกิดจากการสัมผัสสารไซยาไนด์
8 ธ.ค.68 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ นัทปง หรือ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้สื่อข่าวช่องดัง โดยผลการชันสูตรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบสารไซยาไนด์ในกระเพาะอาหารและในเลือดของนายณัฐวุฒิ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้กล่าวถึงประสบการณ์จากการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับสารไซยาไนด์ ว่าการที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสามารถลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับคดีของนายณัฐวุฒิ พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ นอกจากพนักงานสอบสวน ซึ่งเขาแสดงความไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริง เนื่องจากเชื่อว่าตำรวจควรจะมีการดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น
เขายังเน้นย้ำว่าพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานควรเข้าตรวจสอบร่วมกัน เพื่อให้การเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปอย่างละเอียด และพนักงานสอบสวนสามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานในฐานะผู้เชี่ยวชาญได้ นอกจากนี้ สภาพที่เกิดเหตุควรถูกเก็บรักษาอย่างดีเพื่อให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ DNA วัตถุพยานอื่น ๆ ไปจนถึงสภาพการตาย
บิ๊กโจ๊ก ยังได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีการแจ้งว่าเป็นการปลิดชีพตัวเองตาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการละเลยในการนำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และหากสถานที่เกิดเหตุถูกส่งกลับไปยังครอบครัว อาจทำให้พยานหลักฐานหลายอย่างสูญหาย ส่งผลกระทบต่อการสอบสวน
ในส่วนของการชันสูตรพลิกศพ เขาได้ชี้แจงว่ากรณีการเสียชีวิตจากสารไซยาไนด์นั้นต้องมีการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด โดยศพที่เสียชีวิตจากสารไซยาไนด์จะมีเลือดที่มีสีแดงสด และในกรณีของนายณัฐวุฒิ ควรตรวจสอบที่เล็บว่ามีสีดำหรือไม่ และในซอกเล็บมีสารไซยาไนด์ตกค้างหรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากตำรวจจะต้องเร่งไขข้อเท็จจริงในคดีนี้ให้เร็วที่สุดแล้ว ยังควรหารือกับกรมศุลกากรและกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมาตรการการป้องกันการนำเข้าสารไซยาไนด์สู่ประชาชน ซึ่งยังไม่เพียงพอ การนำเข้าสารไซยาไนด์ยังคงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เกิดคดีที่สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน
เขายืนยันว่าการครอบครองสารไซยาไนด์โดยประชาชนทั่วไปถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงสารไซยาไนด์ได้ง่ายจะสร้างความวิตกกังวลในสังคม ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งหารือเพื่อติดตามการนำเข้าสารไซยาไนด์ในอดีต และเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการการนำเข้าสารไซยาไนด์สู่ประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ





