คลัง เตรียมเสนอ ครม. คนละครึ่งพลัส เฟส 2 แจก 10 ล้านสิทธิ์ เริ่มใช้ต้นปี 69

กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า เคาะ “คนละครึ่งพลัส” เฟส 2 แจก 10 ล้านสิทธิ์ คนละ 2,000 บาท แบ่ง 5 ล้านสิทธิ์แรกให้กลุ่มเก็บตกและคนในพื้นที่อุทกภัยและพื้นที่สู้รบชายแดน และอีก 5 ล้านสิทธิ์ให้คนทั่วไป เปิดลงทะเบียนปลาย ธ.ค. 68 เริ่มใช้จ่าย ม.ค. 69 นายกฯ สั่งทบทวนเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อขออนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในปีหน้า โดยคาดว่าจะให้จำนวน 10 ล้านสิทธิ์ วงเงินคนละ 2,000 บาท เปิดให้ลงทะเบียนในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2568 และเริ่มใช้จ่ายได้ในเดือน ม.ค. 2569 ขณะนี้อยู่ระหว่างการคุยยังไม่ตกผลึก คาดว่าจะแบ่งเป็น 5 ล้านสิทธิ์แรก สำหรับกลุ่มที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการ และกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่เกิดอุทกภัยและจังหวัดที่มีการสู้รบตามแนวชายแดนกับกัมพูชา และอีก 5 ล้านสิทธิ์ที่เหลือจะเปิดกว้างให้ประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการแล้ว

สำหรับแหล่งงบประมาณของโครงการดังกล่าว นายสิริพงศ์ระบุว่า คาดว่าจะใช้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็น วงเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่ายังมีกรอบวงเงินของงบกลางฯคงเหลืออยู่กว่า 40,000 ล้านบาท ภายหลังจากได้หักงบประมาณไปใช้ในการเยียวยาน้ำท่วมแล้ว 2 รอบ

ส่วนกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมครม.ให้ทบทวนหลักเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก โดยหลักเกณฑ์ปัจจุบันมี 2 เกณฑ์ คือ เกณฑ์รายได้และเกณฑ์ทรัพย์สิน โดยพบกรณีบางบุคคลมีรายได้เข้าเกณฑ์ ไม่เกิน 100,000 บาท แต่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง ส่งผลให้การจ่ายเงินรอบที่ผ่านมาเกิดข้อคาใจจากภาคประชาชน นายกฯได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนหลักเกณฑ์ให้ครบถ้วนในทุกมิติ เพื่อให้การสำรวจบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม โดยเป็นข้อสั่งการก่อนวาระการประชุมครม.และเป็นการทบทวนครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการทบทวนสิทธิ์ จากนั้นจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเดือน ม.ค. 2569

า ความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ณ วันที่ 8 ธ.ค.2568 เวลา 23.00 น. พบว่า มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วจำนวน 994,903 ราย ทั่วประเทศ และมีประชาชนที่ใช้สิทธิ์ครบเต็มจำนวนแล้ว 3,810,867 ราย ด้านยอดการใช้จ่ายสะสมภายใต้โครงการ อยู่ที่ 70,756.3 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านค้าปกติ ยอดใช้จ่ายรวม 68,376.9 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินที่ภาครัฐร่วมจ่าย 33,666.3 ล้านบาท เงินที่ประชาชนจ่ายเอง 34,710.6 ล้านบาท ด้านร้านค้าผ่าน Food Delivery Platform ยอดใช้จ่ายรวม 2,379.4 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินที่ภาครัฐร่วมจ่าย 1,162.5 ล้านบาท และเงินที่ประชาชนจ่ายเอง 1,216.9 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการยังมีการดำเนินการ Upskill & Reskill ผู้ประกอบการร้านค้า โดยพบว่ามีร้านค้าที่ผ่านการ Upskill & Reskill สำเร็จแล้วจำนวน 91,022 ราย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06.00–23.00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยไม่จำเป็นต้องใช้ให้เต็มสิทธิ์ 200 บาทต่อวัน.