สธ.รายงาน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง ปิดชั่วคราว 7 แห่ง

สธ.รายงาน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง ปิดชั่วคราว 7 แห่ง ใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ผู้ป่วยถูกอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วรวม 534 คน ขณะที่โรงพยาบาลโดยรอบยังรองรับผู้ป่วยได้กว่า 4,000 เตียง

ชายแดนไทยกัมพูชา  วันนี้ (9 ธ.ค.2568) นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมติดตามสถานการณ์ด้านการแพทย์กรณีสู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา ก่อนมอบให้ นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงฯ แถลงผลประชุม

สธ.รายงาน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง ปิดชั่วคราว 7 แห่ง

นพ.เอกชัย ระบุว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา การสู้รบยังกระทบพื้นที่ชายแดน มีโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง โดยต้อง ปิดชั่วคราว 7 แห่ง ใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ผู้ป่วยถูกอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วรวม 534 คน ขณะที่โรงพยาบาลโดยรอบยังรองรับผู้ป่วยได้กว่า 4,000 เตียง

 

ด้านการช่วยเหลือประชาชน เปิดศูนย์พักพิงแล้ว 603 แห่ง ใน 7 จังหวัดชายแดน รองรับได้กว่า 370,000 คน โดยมีผู้อพยพแล้วกว่า 130,000 คน กระจายอยู่ในศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี ทีมแพทย์–สาธารณสุขกว่า 2,500 คน ดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

 

ใน พื้นที่โซนสีแดง 5 จังหวัด มีบางโรงพยาบาลเปิดเฉพาะบริการฉุกเฉิน และมี รพ.สต. ได้รับผลกระทบรวม 164 แห่ง ซึ่งบางแห่งถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงด้วย ทั้งนี้ กระทรวงแบ่งพื้นที่เสี่ยงเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนแดง 20 กม. จากจุดปะทะ โซนชมพู 50 กม. โซนส้ม 100 กม. ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากการสู้รบ ยืนยันผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นผู้ป่วยโรคประจำตัวที่มีอาการกำเริบจากความตื่นตระหนก

 

ประชาชนที่อพยพไปศูนย์พักพิง ยังเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลใกล้เคียงได้ โดยไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ เนื่องจากกระทรวงฯ เปิดระบบเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยแล้ว ขณะนี้คลังเลือดยังเพียงพอ แต่ขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเพื่อสำรองกรณีฉุกเฉิน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรพ.ที่ปิดบริการบางส่วน คือ ปิดบริการผู้ป่วยในกับผู้ป่วยนอก เช่น จ.สระแก้ว มี 4  โรงพยาบาลที่ปิดให้บริการผู้ป่วยใน  กับผู้ป่วยนอก ได้แก่ รพ.โคกสูง รพ.ตาพระยา รพ.อรัญประเทศ และรพ.คลองหาด

 

สธ.รายงาน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง ปิดชั่วคราว 7 แห่ง