- 09 ธ.ค. 2568
พ่อน้องข้าวปุ้น เล่าไทม์ไลน์ ลูกสาวตรวจพบมะเร็ง ต้องถอนตัวว่ายน้ำซีเกมส์ 2025 แฟนกีฬาทั่วประเทศร่วมส่งแรงใจ
วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ทัพว่ายน้ำทีมชาติไทย ชุดลุยศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ต้องพบกับข่าวเศร้าและกระทบต่อขุมกำลังสำคัญ หลัง “ข้าวปุ้น” กมลลักษณ์ ตั้งนภากร นักว่ายน้ำสาวดาวรุ่งตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันแบบกะทันหัน เนื่องจากแพทย์ตรวจพบว่าเธอป่วยเป็น มะเร็งไซนัส จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน
การขาดหายไปของเธอถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของทีม เนื่องจากข้าวปุ้นเป็นหนึ่งในนักกีฬาฝีมือดีที่ถูกคาดหวังว่าจะทำผลงานในรายการนี้ได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ทีมงานและเพื่อนร่วมทีมต่างส่งกำลังใจให้เธอหายป่วยและกลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ คุณพ่อของ ข้าวปุ้น โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กระบุว่า ... ขอเป็นตัวแทนข้าวปุ้น กมลลักษณ์ ตั้งนภากร (Kamonluck Tungnapakorn) กราบขออภัย สมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย สโมสรเบสท์ (Bangkok Elite Swim Team) และแฟนคลับข้าวปุ้นข้าวปั้นทุกท่านมาก ๆ นะครับ เราไม่ได้ตั้งใจจะปกปิด แต่เราได้ประสานงานกับแพทย์ทั้งในโรงพยาบาลและแพทย์ประจำทีมว่ายน้ำของสมาคมฯ มาโดยตลอด จนกระทั่ง 2-3 วันที่ผ่านมา อาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลแจ้งว่า ข้าวปุ้นลูก หนูต้องหยุดซ้อม และต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที เพื่อรักษาไว้ก่อนที่จะไม่ทันการณ์
เรื่องมีอยู่ว่า ไทม์ไลน์ ปลายเดือนกรกฎาคม เริ่มมีอาการแก้มบวม ปวดฟันกราม จึงไปพบแพทย์เพื่อผ่าฟันคุดที่เป็นมานาน แต่คิวยังไม่ถึงเวลา แพทย์ให้ไปเอกซเรย์เพื่อเตรียมการรักษา แต่เมื่อแพทย์เห็นผลเอกซเรย์ จึงสั่งตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) ผลคือ Osteosarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกชนิดที่พบค่อนข้างยากมาก แต่ก็เกิดขึ้นได้ เพราะข้าวปุ้นของเรา "เป็นคนพิเศษ"
เดือนสิงหาคม เริ่มต้นเข้ารับการรักษา และเพิ่มการเดินทางไปโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ จากเดิมที่ต้องไปเพียงสระว่ายน้ำและมหาวิทยาลัยเท่านั้น ช่วงนี้ลำบากเพราะเหลืออีกเทอมเดียวก็จะจบปริญญาตรี ตั้งใจจะจบให้ได้ภายใน 3 ปี จึงเหนื่อยมากขึ้น แถมยังใกล้สอบแล้ว เธอสู้มากจริง ๆ
สิ่งที่ข้าวปุ้นถามอาจารย์แพทย์คือ "หนูยังซ้อมและไปแข่งซีเกมส์ได้ไหมคะอาจารย์ ? เดือนหน้ามีแข่งที่อินเดียด้วยค่ะ" อาจารย์แพทย์ตอบว่า จริง ๆ แล้วต้องหยุดซ้อมและรักษาตัวนะ แต่ข้าวปุ้นบอกว่า ครั้งนี้สำคัญ หนูตั้งใจมาก และน้องสาวก็จะไปแข่งด้วย อาจารย์จึงบอกว่า "อะไรจะสำคัญกว่าสุขภาพของเรา เดี๋ยวดูผลการให้คีโมครั้งแรกก่อนว่าร่างกายรับไหวไหม"
เดือนกันยายน เข้าแอดมิตโรงพยาบาลเพื่อให้คีโมครั้งแรก (มีกำหนด 6 ครั้ง) อาจารย์แพทย์บอกว่า "แข็งแรงดีมากลูก ถ้าแข็งแรงแบบนี้ก็ไปซ้อมและไปแข่งได้นะ แต่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ" ก่อนเดินทางไปแข่งเอเชียนแชมเปียนชิพ เราประสานกับแพทย์ของสมาคมฯ เพราะการให้คีโมมีการใช้ยาสเตียรอยด์ร่วมด้วย (จัดเป็นสารกระตุ้น)
เดือนตุลาคม เดินทางไปแข่งรายการเอเชียนแชมเปียนชิพของนักกีฬาซีเกมส์ ด้วยความเป็นห่วง อาจารย์แพทย์ให้เรียนรู้การฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวด้วยตัวเอง 6 วัน (พกยาไปฉีดบนเครื่องบิน) และบอกว่าให้หาวิกผมไว้ เพราะผมจะร่วงที่อินเดีย
ผลการแข่งขันได้เหรียญทองแดงจากผลัดฟรีสไตล์ 4x100 เมตรหญิง ทำสถิติเวลาเป็นอันดับ 2 จาก split time ของทั้ง 4 คน ก่อนกลับไทยยังซื้อเสื้อลิเวอร์พูลมาฝากป๊ะป๊า
ปลายเดือนตุลาคม ผ่าตัดส่องกล้องเพื่อตัดและเลาะชิ้นเนื้อออกมาได้ปริมาณหนึ่งถ้วยน้ำจิ้ม เดือนพฤศจิกายน หลังกลับจากอินเดีย ก็เริ่มซ้อมตามแผนที่เหมาะสม และยังต้องคอยบอกน้องสาวว่า "มึงไปบาห์เรนแข่งให้ดี ไม่ต้องห่วงกู รักษาตัวเองดี ๆ แล้วกลับมาแข่งซีเกมส์ด้วยกัน กูจะรอ กูอ่ะ มะเร็งเอากูไม่ลงหรอก"
ช่วงนี้สภาพจิตใจเข้มแข็งมาก แพทย์ประจำทีมของสมาคมฯ และแพทย์โรงพยาบาลยังประสานกันตลอดว่าร่างกายยังไหวไหม จนปลายเดือนโหนกแก้มเริ่มบวม ตาระคายเคือง เคี้ยวอาหารแข็งไม่ได้ ปากอ้าได้น้อยลง อาจารย์แพทย์นัด CT Scan แล้วเมื่อเห็นผลก็บอกทันทีว่า "ข้าวปุ้นลูก หนูต้องหยุดซ้อม และผ่าตัดโดยทันทีนะคะ" (ภาพ CT ใต้ตาซ้ายแสดงให้เห็นว่าเนื้อร้ายลุกลามเร็วมาก)
เดือนธันวาคม รายงานผลและแผนการรักษาให้สโมสร โค้ชทั้งหมดหารือกันและตอบเหมือนกันทุกคนว่า "ร่างกายสำคัญที่สุด ไม่มีอะไรสำคัญกว่าแล้ว ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ มันไม่หนีไปไหน ถ้ารักษาหายกลับมาซ้อม อาจดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ"
จึงติดต่ออาจารย์ตึกเพื่อถอนตัวจากการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศได้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพราะเคยมีประสบการณ์ที่พัทลุงในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ทีมผลัดฟรีสไตล์หญิงกรุงเทพมหานคร พลาดเหรียญทองให้ปทุมธานีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เราไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก บ้านนี้ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะไม่ทำ เพราะถ้าทำ มันจะพิสูจน์ว่า "เราแย่กว่า เห็นแก่ตัวกว่า"
ขออภัยทุกท่านนะครับ แต่ข้าวปั้นยังแข่งกรรเชียง 200 เมตร (12 ธันวาคม) และกรรเชียง 100 เมตร (13 ธันวาคม) เช่นเดิม ไปเชียร์กันได้ครับ
ป๊ะป๊าบอกว่า "หนูคือความภาคภูมิใจของป๊ะป๊ามาก หนูเข้มแข็งมาก ป๊ะป๊ารู้มาตลอด ชีวิตของหนู หนูใช้อย่างคุ้มค่า ใช้ได้สุดจริงๆ ใช้เป็นชีวิตหนูใช้ซะ" ลงบันทึกไว้เตือนใจในแต่ละปี






