- 12 ธ.ค. 2568
สาวจากสปป.ลาว หอบทองที่แม่ร่อนได้มาตรวจสอบ "นะโม บ้านช่างทอง" ยังบอก แบบนี้ต้องมี 20 ล้าน ก่อนผลออกมาทำลูกค้ายิ้มแก้มปริ
เรียกเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อ นะโม บ้านช่างทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำและเจ้าของร้านทองชื่อดัง ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะตรวจสอบของมีค่าที่ลูกค้าชาว สปป.ลาว 2 ราย นำมาขอให้ประเมินที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี โดยลูกค้าชายนำของสะสมเก่าแก่ของคุณพ่อมาให้ตรวจสอบ ขณะที่ลูกค้าหญิงนำก้อนโลหะสีทองซึ่งคุณแม่ร่อนได้จากแม่น้ำใน สปป.ลาวมาตรวจ โดยนะโมระบุแคปชันว่า "ถ้าเป็นทองทั้งหมด แบบนี้ต้องมี 20 ล้าน"
โดยลูกค้าชายได้นำวัตถุหลายรายการมาให้ตรวจสอบ เช่น ก้อนโลหะที่เชื่อว่าเป็นทองคำความบริสุทธิ์สูง (หลอมจากเหรียญเก่า) , ผงสีส้มที่คิดว่าเป็นทองคำเปลวบริสุทธิ์หรือทองกิมซัว , พระพุทธรูปโลหะสีเงินที่เชื่อว่าเป็นแร่แพลตตินัมดิบ หรือพาลาเดียม และเหรียญพระเครื่องจำนวนมากที่เข้าใจว่าเป็นนากหรือพิงก์โกลด์
นะโมตรวจเบื้องต้นด้วยตาเปล่าและการสัมผัส ก่อนอธิบายว่า ก้อนโลหะที่หลอมเอง เป็น ทองเหลือง ไม่ใช่ทองคำ เพราะตอนหลอมมีควันและเปลวไฟสีเขียว ซึ่งเป็นลักษณะของทองเหลือง หากเป็นทองคำจะไม่มีควัน ส่วนผงทองกิมซัว เป็นเพียง ดินหรือฝุ่น เพราะเมื่อถูที่ผิวหนังไม่ซึมหายไป ต่างจากทองคำเปลวแท้ที่ซึมเข้าผิว
สำหรับ พระพุทธรูปโลหะ นะโมสันนิษฐานว่าเป็น ตะกั่วผสมสังกะสี เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและละลายง่ายเมื่อถูกความร้อน ขณะที่ เหรียญพิงก์โกลด์ เป็นเพียงเหรียญเนื้อทองแดงทั่วไป
ด้านลูกค้าหญิงได้นำก้อนโลหะสีเหลืองทอง 4 ก้อน ระบุว่าแม่ร่อนได้เองจากแม่น้ำในลาว และเชื่อว่ามีความบริสุทธิ์สูง เมื่อนะโมตรวจด้วยสายตา ได้ชมว่า “คุณแม่ร่อนเอง คุณแม่เก่งมาก” พร้อมเทียบให้เห็นความต่างกับของลูกค้าชาย
เพื่อความแม่นยำ นะโมจึงนำวัตถุทั้งหมดเข้าเครื่องเอกซเรย์โลหะ ผลปรากฏว่า
- พระพุทธรูปของลูกค้าชาย เป็นโลหะผสม ได้แก่ ทองแดง เหล็ก สังกะสี และตะกั่ว ไม่พบแพลตตินัมหรือพาลาเดียมเลยแม้แต่น้อย
- ก้อนโลหะของลูกค้าหญิง กลับเป็น ทองคำบริสุทธิ์สูงถึง 97.07% น้ำหนักรวม 20.40 กรัม ประเมินมูลค่ากว่า 83,000 บาท
- ลูกค้าหญิงถึงกับยิ้มกว้าง แต่ยืนยันว่าจะยังไม่ขาย ขอเก็บไว้ก่อน และรอแม่ร่อนมาเพิ่มเพื่อจะนำมาขายนะโมในภายหลัง
- บทสรุปจากช่างทอง
แม้ลูกค้าชายจะผิดหวัง แต่ก็ยอมรับด้วยรอยยิ้มว่าได้ความรู้กลับไปมากมาย นะโมทิ้งท้ายว่า
“ไม่รู้ย่อมไม่ผิด การคิดว่าสิ่งที่มีเป็นทองยังดีกว่าคิดว่าไม่มีค่า เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ตรวจสอบ ดีกว่าทิ้งของมีค่าไปโดยไม่รู้ตัว”






