"อ.โต้ง" ฟาดตรง บทเรียนของผู้นำ ธรรมาภิบาลต้องมาก่อนความเกรงใจ

บทเรียนผู้นำจาก “อาจารย์โต้ง” ใจดีไร้ธรรมาภิบาล ไม่ใช่ความเมตตา นิ่งเฉยต่อความไม่ถูกต้อง เท่ากับเปิดทางระบบพวกพ้อง ทำลายศรัทธาในองค์กร

วันที่ 13 ธันวาคม 2568 รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ “อาจารย์โต้ง” โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถ่ายทอดมุมมองและบทเรียนสำคัญของการเป็นผู้นำ โดยย้ำว่า “ธรรมาภิบาลต้องมาก่อนความเกรงใจ” เตือนการบริหารที่ผ่อนผันโดยไร้มาตรฐาน อาจบ่อนทำลายความยุติธรรม ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรในระยะยาว พร้อมชี้ว่าผู้นำที่ดีต้องยืนหยัดบนหลักการ ความโปร่งใส และความเป็นธรรม แม้อาจไม่ถูกใจทุกคนก็ตาม
 

อ.โต้ง ฟาดตรง บทเรียนของผู้นำ ธรรมาภิบาลต้องมาก่อนความเกรงใจ

อ.โต้ง ฟาดตรง บทเรียนของผู้นำ ธรรมาภิบาลต้องมาก่อนความเกรงใจ

 

บทเรียนของผู้นำ ธรรมาภิบาลต้องมาก่อนความเกรงใจ

ในบทบาทของผู้นำ หลายคนเคยเชื่อว่าการเข้าใจ การผ่อนผัน และการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งคือหนทางสร้างบรรยากาศที่ดีในองค์กร โดยแนวคิดนี้ดูเหมือนจะดีแต่ในทางปฏิบัติ จะทำให้เราเรียนรู้ว่า ความใจดี ที่ไม่ได้ยืนอยู่บนมาตรฐาน และ หลักธรรมาภิบาล ไม่ใช่ความเมตตา หากแต่เป็นความไม่ยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะต่อคนที่ตั้งใจทำงาน ทุ่มเท เสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามกฎกติกาขององค์กร

สิ่งที่ถูกอนุโลมโดยไม่อธิบายจะค่อย ๆ กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ขององค์กร และเมื่อบรรทัดฐานไม่ชัดเจน กฎ ระเบียบจะอ่อนแรง ความรับผิดชอบ ของคนจะลดน้อยลง เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์ทุกคนต้องการความสบาย เมื่อความเชื่อมั่นต่อระบบบริหารถูกบั่นทอน กลายเป็น ระบบเล่นพรรคเล่นพวก ถูกผิดไม่สำคัญพวกฉันเป็นพอ

ธรรมาภิบาลในองค์กร

ไม่ใช่การบริหารด้วยความแข็งกระด้างแต่คือการบริหารด้วยความโปร่งใส ความเป็นธรรม และมาตรฐานเดียวกันกับทุกคน หรือยึดหลัก นิติรัฐ นิติธรรม

ผู้นำที่ดี ต้องแยกให้ออกระหว่าง ความใจดี กับ พฤติกรรมที่เป็นบ่อนทำลายมาตรฐานองค์กร เพราะการนิ่งเฉยต่อความไม่ถูกต้องคือการส่งสัญญาณว่าเรื่องนั้น “ยอมรับได้” และในระยะยาว สิ่งนี้จะทำลายทั้งความน่าเชื่อถือของผู้นำและคุณค่าหลักขององค์กรจากภายใน
 

 

ผู้นำที่ดี อาจไม่ใช่ผู้นำที่ทุกคนพอใจแต่ต้องเป็นผู้นำที่ยืนหยัดบนหลักการ กล้าตัดสินใจในเรื่องที่ยากแต่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม กล้าพูดความจริง เปิดใจรับฟังทุกฝ่าย และกล้ารักษาความยุติธรรมไว้เหนือแรงกดดันใด ๆ

หน่วยงานภาครัฐ ในฐานะองค์กรกำกับดูแลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ ต้องทำหน้าที่อย่างจริงจัง เป็นธรรม และเป็นอิสระ ยึดระบบ คุณธรรม ที่อยู่เหนือระบบอุปถัมภ์ ไม่ปล่อยปละละเลยหรือเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันเพราะการกำกับดูแลที่เข้มแข็งคือกลไกสำคัญในการรักษาคุณภาพ และความศรัทธาของสังคมที่มีต่อหน่วยงานที่กำกับดูแล

ในระยะยาว ความชัดเจน คือรากฐานของความไว้วางใจและ ธรรมาภิบาล คือหัวใจของทุกองค์กรที่จะยั่งยืนอยู่ได้อย่างสง่างาม

ท้ายที่สุด องค์กรที่ดีทั้งภาครัฐและเอกชนคงมิได้มุ่งหวังเพียงเพื่อสร้างผลลัพธ์ระยะสั้นแต่มีหน้าที่สร้างค่านิยม วัฒนธรรม และสร้างบรรทัดฐานให้สังคมเพราะเมื่อองค์กรยืนอยู่บนหลักการก็จะเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน ท่ามกลางกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี ภัยพิบัติ ความขัดแย้ง 

หากองค์กรใด ไม่สามารถปรับตัวได้อย่างเท่าทันก็ไม่ต่างจากหลายหน่วยงานที่ต้องสูญพันธ์ไปจากระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นไปตาม กฏธรรมชาติ