- 15 ธ.ค. 2568
“พิพัฒน์” สั่งกระทรวงคมนาคมรับมือสถานการณ์ ระดมคมนาคมรับมือชายแดนไทย - กัมพูชา ปิดเส้นทางเสี่ยง - อพยพประชาชน ดูแลศูนย์พักพิงทุกจังหวัด
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมบูรณาการกำลัง เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชน การอพยพกลุ่มเปราะบาง และการอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ศูนย์พักพิง
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายจังหวัดชายแดน กระทรวงคมนาคมได้เร่งสนับสนุนภารกิจของจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงจุด โดยในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องสายตะกู ส่งผลให้มีการสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อำเภอบ้านกรวดและอำเภอละหานทราย พร้อมทั้งงดใช้ทางหลวงหมายเลข 224 (บ้านกรวด - ละหานทราย - พนมดงรัก) เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ได้สนับสนุนรถ จำนวน 10 คัน สำหรับอพยพประชาชนกลุ่มเปราะบางไปยังสถานพยาบาลและศูนย์พักพิง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว และงดการเดินรถในพื้นที่เสี่ยงตามข้อสั่งการของจังหวัด
จังหวัดสุรินทร์ยังคงมีสถานการณ์ความไม่สงบในหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 145 แห่ง กว่า 80,000 คน สำนักงานขนส่งจังหวัดสุรินทร์ได้จัดเจ้าหน้าที่และยานพาหนะลงพื้นที่ดูแลศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนภารกิจของจังหวัดและกรมการขนส่งทางบก โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการดูแลความปลอดภัยและสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ด้านจังหวัดตราด กรมทางหลวงได้รายงานเหตุลูกกระสุนตกบนทางหลวงหมายเลข 3 ตอนแม่น้ำตราด - หาดเล็ก ส่งผลให้ต้องปิดเส้นทางบางช่วงเป็นการชั่วคราว ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่ตัวเมืองตราด เพื่อความปลอดภัย โดยแขวงทางหลวงตราดได้ดำเนินการอพยพหมวดทางหลวงในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ หมวดทางหลวงแหลมกลัด ช้างทูน และด่านชุมพล ให้ปฏิบัติงานในพื้นที่ปลอดภัย ตามแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินของหน่วยงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวย้ำว่า กระทรวงคมนาคมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานความคืบหน้าแบบต่อเนื่อง ปรับแผนการเดินรถและการใช้เส้นทางให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง พร้อมสนับสนุนการอพยพประชาชนและการดำเนินงานของศูนย์พักพิงในทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ และจะยังคงบูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ และยืนหยัดอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย






