- 16 ธ.ค. 2568
สืบสวนทุ่งสองห้อง ใช้เวลา 5 ชั่วโมง รวบหนุ่มสุดแสบหลอกจำนำทอง ก่อนตามเงินคืนเจ้าของร้านทอง 5.2 แสน สืบประวัติเจอคดีเพียบ
เมื่อเวลา 22.00 น. (15 ธ.ค.) พลตำรวจตรีเกียรติคุณ สนธิเณร ผบก.น.2 พ.ต.อ.ยุทธศิลป์ การินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง สั่งการให้ พ.ต.ท.ปกป้อง ฟองเลา รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.ท.รัชพล เหลากลม สว.สส.สน. ร.ต.อ.อมรพล เทพหัตถี ร.ต.ท.อภิรมณ์ ชาวโพธิ์สระ ร.ต.ต.ชัชวาลย์ กระจับหอม ร.ต.ต.นันทวัฒน์ ประสิทธิ์สิเศษ รอง สว.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน ทำการสืบสวนและจับกุมนายวิชญ์ศรุต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว จ.อุทัยธานี พร้อมของกลาง ชุดที่ใส่ก่อเหตุ สร้อยข้อมือวัสดุโลหะสีทองคำที่คนร้ายสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 1 เส้น ทองคำรูปพรรณ (ปลอม) หนัก 10 บาท จำนวน 1 เส้น เงินสดจำนวน 520,000 บาท และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 จำนวน 1 คัน โดยจับกุมได้บริเวณเชิงสะพานพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
โดยก่อนการจับกุม ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สน.ทุ่งสองห้อง ว่ามีเหตุคนร้ายนำสร้อยคอทองคำปลอมมาหลอกจำนำให้กับร้านทองแห่งหนึ่งใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังริมถนนแจ้งวัฒนะ โดยคนร้ายได้เงินสดจากการจำนำทองคำปลอมเป็นเงินจำนวน 520,000 บาท
ภายหลังได้รับแจ้ง ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบร้านทองดังกล่าว โดยทางเจ้าของร้านได้นำสร้อยคอทองคำปลอมของกลาง และข้อมูลบัตรประชาชนที่คนร้ายนำมาเป็นหลักฐานในการจำนำให้กับเจ้าหน้าที่ และจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในร้าน จนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือนายวิชญ์ศรุต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ได้ขับรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 มาจอดริมถนน ก่อนจะเดินเข้ามาที่ร้าน แล้วถอดสร้อยคอทองคำปลอมที่สวมอยู่ที่คอออกมาให้ทางร้านเพื่อขอจำนำ และหลังจากทางร้านได้ตรวจสอบแล้ว จึงนำเงินสดจำนวน 520,000 บาท ส่งให้คนร้าย เมื่อได้เงินแล้วก็เดินออกจากร้านไป
จากแนวทางการสืบสวนพบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่งใกล้เชิงสะพานพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์สาย 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบ และพบชายซึ่งมีลักษณะรูปพรรณ รวมถึงการแต่งกายตรงกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ฝ่ายสืบสวนจึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับข้อมูลที่ทางร้านทองแจ้งไว้
จากการซักถามเบื้องต้น นายวิชญ์ศรุตยอมรับว่าได้นำสร้อยคอทองคำปลอมไปจำนำที่ร้านทองดังกล่าวจริง แต่ให้การวกวนเรื่องเงินที่ได้จากการจำนำจำนวน 520,000 บาทอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาทำการสอบสวนต่อที่ สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนจะให้การยอมรับและนำเงินมาคืน พร้อมยอมรับว่ามีคนที่รู้จักกันในโซเชียลให้นำทองไปจำนำกับร้านทอง โดยจะระบุให้ไปที่ร้านใดร้านหนึ่ง และเคยนำทองปลอมไปจำนำกับร้านทองก่อนหน้านี้มาแล้ว 7 ครั้ง ในพื้นที่ลาดพร้าว บางแสน พัทยา และสัตหีบ
ส่วนทองที่นำมาก่อเหตุนั้น คนจ้างเป็นคนหามาให้ โดยจะให้ตนเองไปเอาตามจุดที่วางไว้ ซึ่งทุกครั้งจะเป็นเส้นละ 10 บาท และจะเป็นการจำนำ ไม่ได้ขายขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของทางร้าน เพราะรู้ว่าร้านไม่กล้าขูดตัวเส้นทอง เนื่องจากจะทำให้ทองเกิดความเสียหาย ซึ่งจะมีส่วนที่เป็นทองแท้เพียงแค่ตัวตะขอที่ทางร้านจะตรวจสอบ และก่อนหน้าที่จะมาร้านนี้ คนจ้างได้บอกให้ไปที่ร้านแรกย่าน ม.ธุรกิจ แต่กลับเปลี่ยนใจให้มาที่ร้านนี้ โดยตนจะแต่งตัวให้ดูหรู ใส่สร้อยข้อมือเส้นใหญ่ ใส่แหวนทองวงใหญ่ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วนำทองคำรูปพรรณปลอม น้ำหนัก 10 บาท ที่คอออกมาจำนำ โดยทางร้านให้ราคา บาทละ 52,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 520,000 บาท
ด้านเจ้าของร้านยอมรับว่าทางร้านผิดพลาดในการตรวจสอบจริง แต่โดยปกติแล้วร้านทองจะไม่ค่อยกล้าขูดหรือตัดตัวสร้อยที่ลูกค้านำมาจำนำ เพราะความเสียหายจะสูง ส่วนเส้นนี้ที่ยอมรับจำนำไว้ เนื่องจากตรวจสอบด้วยตาและการชั่งน้ำหนักไม่พบความแตกต่างจากของจริง และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดก็พบว่ามีตราประทับของร้านทองชื่อดัง รวมถึงเมื่อตรวจสอบที่ตะขอด้วยน้ำยาก็เป็นทองจริง แต่หากลูกค้านำมาขาย ทางร้านสามารถตัดสินใจตัดเพื่อดูแกนกลางหรือเผาหลอมได้ทันที เชื่อว่าทองที่นำมาหลอกต้องเป็นฝีมือช่างทองที่มีความชำนาญ และทำทองในลักษณะนี้มาหลอกร้านทองโดยเฉพาะ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่ทำงานไว สามารถจับกุมคนร้ายและนำเงินกลับมาคืนได้ครบตามจำนวน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเสพยาไอซ์มา และยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากพบการก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ทั้งน้ำหนักทองและรูปแบบทองในอีกหลายพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมายต่อไป






