รุ่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้

สมาคมธนาคารไทยประกาศ รุ่นโทรศัพท์มือถือที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้ ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นต้นไป

ในยุคที่ประชาชนพึ่งพาการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ความพร้อมของอุปกรณ์และความปลอดภัยของระบบจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ล่าสุด สมาคมธนาคารไทยออกประกาศสำคัญที่ผู้ใช้งาน Mobile Banking ทุกคนควรตรวจสอบโทรศัพท์ของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการใช้งานไม่ได้ในอนาคต

 

รุ่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก สมาคมธนาคารไทย – The Thai Bankers’ Association แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นต้นไป แอปพลิเคชัน Mobile Banking ของทุกธนาคารจะรองรับการใช้งานเฉพาะโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชัน 14 และ Android เวอร์ชัน 10 ขึ้นไปเท่านั้น

 

สำหรับผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าซึ่งมีระบบปฏิบัติการต่ำกว่าเวอร์ชันที่กำหนด จำเป็นต้องอัปเดตระบบให้เป็นเวอร์ชันใหม่ หากอุปกรณ์ไม่รองรับการอัปเดต อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ มิฉะนั้นจะไม่สามารถใช้งานแอพพลิเคชันธนาคารได้ หลังวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569

 

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทยระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน เนื่องจากระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่จะช่วยปิดช่องโหว่ต่าง ๆ และลดความเสี่ยงจากมัลแวร์ การหลอกลวงแบบฟิชชิง รวมถึงการโจมตีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน

รุ่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้

จากข้อมูลที่ปรากฏล่าสุด ระบุว่าแอปพลิเคชันธนาคารทุกแห่งจะมีการปรับข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบปฏิบัติการ (Operating System – OS) เพื่อรองรับมาตรฐานความปลอดภัยรูปแบบใหม่ โดยกำหนดเกณฑ์การใช้งานดังนี้

  • iPhone (iOS): ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 14 ขึ้นไป
  • Android: ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ขึ้นไป
  • วันที่มีผลบังคับใช้: ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นต้นไป


การปรับเกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นผลมาจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่ต้องการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากมิจฉาชีพ แอปดูดเงิน รวมถึงการโจมตีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน

ทั้งนี้ สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่า มักจะไม่ได้รับการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย (Security Patch) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความเสี่ยงถูกเจาะระบบหรือติดตั้งมัลแวร์ได้ง่ายกว่า การกำหนดเวอร์ชันขั้นต่ำจึงเป็นการบังคับทางอ้อมให้ผู้ใช้งานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมากขึ้น

รุ่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้

มือถือรุ่นไหนบ้างที่อาจใช้งานไม่ได้ต่อ
หากอ้างอิงตามเกณฑ์ iOS 14 และ Android 10 พบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นยอดนิยมในอดีตที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่
ฝั่ง iPhone (ไม่สามารถอัปเดตเป็น iOS 14 ได้)

  • iPhone 6
  • iPhone 6 Plus
  • iPhone 5s
  • และรุ่นที่เก่ากว่านี้ทั้งหมด

หมายเหตุ: iPhone 6s, 6s Plus และ iPhone SE รุ่นแรก ยังสามารถอัปเดตเป็น iOS 14 หรือ 15 เพื่อใช้งานต่อได้


ฝั่ง Android
สมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในช่วงปี 2018 หรือก่อนหน้านั้น ซึ่งมักรองรับได้เพียง Android 8 หรือ 9
ผู้ใช้งานควรตรวจสอบเวอร์ชันในเครื่อง เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีนโยบายอัปเดตที่แตกต่างกัน

 

วิธีตรวจสอบเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ

iPhone

  • เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings)
  • เลือก ทั่วไป (General)
  • เลือก เกี่ยวกับ (About)
  • ตรวจสอบที่หัวข้อ เวอร์ชันซอฟต์แวร์ (Software Version)


Android

  • เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings)
  • เลื่อนลง เลือก เกี่ยวกับโทรศัพท์ (About Phone)
  • ดูที่หัวข้อ ข้อมูลซอฟต์แวร์ (Software Information) หรือ เวอร์ชัน Android

 

คำแนะนำ
หากตรวจสอบแล้วพบว่าโทรศัพท์มือถือของตนเองมีระบบปฏิบัติการต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (iOS ต่ำกว่า 14 หรือ Android ต่ำกว่า 10) และไม่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้ แนะนำให้เริ่มวางแผนเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย ก่อนถึงในวันวาเลนไทน์ปีหน้า

รุ่นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่จะไม่สามารถใช้แอปฯ ธนาคารได้

ข้อมูล - ภาพประกอบจาก : สมาคมธนาคารไทย - The Thai Bankers’ Association